xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงตู่” ลงพื้นที่กาญจนบุรี เปิดโครงการ Green Army Green Farmer

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กาญจนบุรี - นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี คิวยาวทั้งวัน พร้อมเปิดโครงการ Green Army Green Farmer ใช้พื้นที่ทหารผลิตพืชผลเกษตร แนะการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ขอให้ทุกคนตั้งใจเรียน

วันนี้ (7 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่เช้า โดยได้ร่วมสักการะศาลหลักเมืองกาญจนบุรี และถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พร้อมพบปะนักเรียน และประชาชนที่มาต้อนรับ และได้ร่วมร้องเพลงความฝันอันสูงสุด

โดยนายกฯ ได้แนะการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ขอให้ทุกคนตั้งใจเรียน ต้องหาให้เจอว่าชอบอะไร ลุงสัญญาว่าจะทำให้เต็มที่ และสิ่งที่วางไว้คือ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่เปลี่ยนแปลงได้ หากมีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าเรารู้ล่วงหน้า เราก็จะรู้อนาคต แต่ถ้าไม่รู้ล่วงหน้าอย่างที่ผ่านมาก็จะมีปัญหาไม่เกิดความต่อเนื่อง และขอบคุณที่ทุกคนมาให้กำลังใจ

ต่อจากนั้น ได้ไปยังโรงงานกระดาษไทย ซึ่งเป็นโรงงานกระดาษแห่งที่ 2 ของประเทศไทย ใช้ผลิตกระดาษและธนบัตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้เยี่ยมชมกำแพงเมืองเก่ากาญจนบุรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้วางก้อนอิฐกลับคืนกำแพงเมืองเก่าเป็นสัญลักษณ์ของการอนุรักษ์มรดกของชาติ

จากนั้นได้เดินทางถึงลานวัฒนธรรม ภูมิบ้าน ภูมิเมือง รับฟังความเป็นมาของโรงงานกระดาษไทย จากอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ และกลุ่มประชาชนที่ขับเคลื่อนให้พัฒนาโรงงานกระดาษเป็นแหล่งเรียนรู้ ซึ่งโครงการพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุแปลงโรงงานกระดาษไทย เป็นแนวทางการพัฒนาตามที่ประชาชนได้เสนอให้พัฒนาพื้นที่ราชพัสดุแปลงนี้เป็นพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันและเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมชิมขนมทองโย๊ะ อาหารพื้นเมืองของชาวกะเหรี่ยง ทำจากข้าวเหนียวผสมกับงาดำ ซึ่งเป็นของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดกาญจนบุรี

จากนั้นเวลา 11.30 น. นายกรัฐมนตรี และคณะได้นั่งรถรางเดินทางไปยังวัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) ระหว่างทางได้เยี่ยมชมชุมชนถนนปากแพรก ซึ่งเป็นชุมชนเก่าที่มีลักษณะการตั้งถิ่นฐานบริเวณตามริมฝั่งแม่น้ำ เป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญในอดีต โดยบรรยากาศได้มีประชาชน และนักเรียนมาต้อนรับ และให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีตลอดเส้นทาง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แวะถ่ายรูปเป็นระยะ รวมทั้งได้แวะที่บ้านบุญผ่อง และสักการะพระรูปสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่บริเวณหน้าบ้านคชวัตร ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นสถานที่ประสูติของพระองค์ท่าน

จากนั้นได้เข้าไปยังหอพระประวัติฯ วัดเทวสังฆาราม ต.บ้านเหนือ สักการะรูปเหมือนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พร้อมทั้งเยี่ยมชมห้องจัดแสดงพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ภายในหอพระประวัติฯ

เวลา 12.00 น. นายกรัฐมนตรีได้พบปะนักเรียน โดยได้ทักทายพูดคุยกับนักเรียนอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง รวมทั้งได้พูดคุยกับผู้นำชาวเรือ ชาวแพ และรับฟังบรรยายสรุปภาพรวมในเรื่องแพของจังหวัดกาญจนบุรี จากนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ที่ศาลาท่าเทียบเรือ วัดเทวสังฆาราม ต่อจากนั้น ได้ลงตรวจปัญหาแพรุกล้ำลำน้ำบริเวณแม่น้ำแควใหญ่ แม่น้ำแควน้อย และแม่น้ำแม่กลอง เพื่อสำรวจและรับฟังปัญหาเรื่องแพรุกล้ำลำน้ำสองฝั่งแม่น้ำของจังหวัดกาญจนบุรี รวมถึงปัญหาอื่นๆ เกี่ยวกับแพ

สำหรับปัญหาแพรุกล้ำลำน้ำ ในเรื่องของ “แพ” เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัด มีทั้งแพพัก แพอาหาร แพเธค ปัจจุบันมีผู้ประกอบกิจการแพ เพื่อการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 80 ราย และจำนวนแพประมาณ 500 แพ ส่วนใหญ่เป็นแพที่ยังไม่ได้รับอนุญาต

เวลา 14.10 น. นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ Green Army Green Farmer เพื่อประเทศชาติและประชาชน โดย พล.ต.วสุ เจียมสุข ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 17 กล่าวต้อนรับ และศาสตราจารย์ ดร.ฉัตรเฉลิม อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะเทคนิคการแพทย์ กล่าวรายงานการดำเนินงานโครงการ

สำหรับโครงการ Green Army Green Farmer เพื่อประเทศชาติและประชาชน เป็นโครงการที่ริเริ่มจากคำปรารภของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อศาสตราจารย์ ดร.ฉัตรเฉลิม อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ถึงการขยายขอบเขตการดำเนินงานเป็นล้านไร่ทั่วประเทศ เพื่อให้สอดรับต่อนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ การพัฒนาเกษตรอินทรีย์และเกษตรกรรมยั่งยืน 5 ล้านไร่ การยกระดับสุขภาพและคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน ตลอดจนนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งชุมชน การกระจายรายได้ และการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือด้านเกษตรและอาหารปลอดภัย โดยใช้พื้นที่ทหารเป็นฐานการผลิต

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบเกียรติบัตรรับรองแปลงเกษตรปลอดภัยแก่กลุ่มเกษตรกรที่ผ่านการตรวจรับรองคุณภาพกระบวนการผลิตจาก 8 จังหวัดภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันตก

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวพบปะกับประชาชนที่มาเข้าร่วมโครงการและให้การต้อนรับ ว่า ขอให้เกษตรกรพัฒนาการเกษตร โดยขอให้ดูจากความต้องการของตลาดและความเหมาะสมของพื้นที่ และนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมตามแนวทางไทยแลนด์ 4.0 ไปใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต และการกระจายรายได้สู่ชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก

พร้อมกับให้หน่วยงานราชการส่งเสริมด้านสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่เกษตรกร ในการหันมาลด ละ เลิก การใช้สารเคมีอันตราย รวมถึงการส่งเสริมให้ประชาชนผู้บริโภคได้มีโอกาสเข้าถึงผลผลิตเกษตรและอาหารที่มีความปลอดภัย มีการวางแผนการผลิต ยึดการตลาดนำการผลิต ผลิตสินค้าตามความต้องการของตลาด

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ปลูกต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ ๑๐ บริเวณด้านหน้าอาคารสัมมนา มณฑลทหารบกที่ 17 จากนั้นได้เยี่ยมชมห้องนิทรรศการศูนย์การเรียนรู้มณฑลทหารบกที่ 17 และนิทรรศการ Green Army Green Farmer เพื่อประเทศชาติและประชาชน และนั่งรถรางเยี่ยมแปลงนำร่องการผลิตเกษตรปลอดภัย แปลงสาธิตโครงการ Green Army Green Farmer เพื่อประเทศชาติและประชาชน เยี่ยมฝายทดน้ำ และศูนย์เรียนรู้มณฑลทหารบกที่ 17 ตามศาสตร์พระราชาและนิทรรศการส่งเสริมสุขภาพ เสร็จสิ้นภารกิจเดินทางกลับ







กำลังโหลดความคิดเห็น