xs
xsm
sm
md
lg

ชาวน้ำก่ำทุกข์หนักตลิ่งโขงทรุดดินหายปีละ 10-20 ม. ร้องจังหวัดหลายรอบเมินช่วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นครพนม - ชาวบ้านน้ำก่ำสุดทน ร้องทุกข์ปัญหาตลิ่งทรุดน้ำโขงกลืนกินที่ดินมานานกว่า 10 ปี ร้องหน่วยงานที่รับผิดชอบก็เมินแก้ ซ้ำอ้างไม่มีงบทำเขื่อนกั้นตลิ่ง เผยดินทรุดหนักต่อเนื่องหายปีละ 10-20 เมตร ชาวบ้านบางรายเหลือแต่เอกสารกรรมสิทธิ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม วันนี้ (6 พ.ย.) นายกิตติศักดิ์ ชมจันทร์ อายุ 57 ปี ผู้ใหญ่บ้านน้ำก่ำน้อย หมู่ 17 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พร้อมตัวแทนชาวบ้านได้ร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชน กรณีได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาดินริมตลิ่งแม่น้ำโขงบริเวณท้ายลำน้ำก่ำ ที่รองรับน้ำมาจากโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขง เกิดปัญหาดินริมตลิ่งทรุดต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดมาดูแลแก้ไข

ชาวบ้านเคยยื่นหนังสือถึงหน่วยงานภาครัฐ ตั้งแต่ระดับอำเภอ ไปถึงจังหวัดให้มาดำเนินการแก้ไขแต่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ จนกระทั่งช่วงฤดูฝนที่ผ่านมาเกิดปัญหาน้ำโขงเพิ่มระดับสูงสุดจนล้นตลิ่งในรอบ 20 ปี ส่งผลให้ดินริมตลิ่งปากน้ำก่ำเกิดปัญหาทรุดหนัก ระยะทางยาวกว่า 800 เมตร ทำให้พื้นที่ดินของชาวบ้านที่มีเอกสารสิทธิถูกน้ำโขงกัดเซาะสูญหายรวมเกือบ 4 ไร่


บางรายได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจากพื้นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิถูกน้ำโขงกัดเซาะสูญหายไปหมด เหลือเพียงเอกสารสิทธิ ส่งผลต่อปัญหาความเดือดร้อนต้องสูญเสียที่ดินซึ่งมีมูลค่าสูง รวมถึงเสียโอกาสในการใช้เป็นที่ทำการเกษตร

นายกิตติศักดิ์ ชมจันทร์ อายุ 57 ปี ผู้ใหญ่บ้านน้ำก่ำน้อย หมู่ 17 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เปิดเผยว่า ตนต่อสู้เรื่องนี้มานานนับ 10 ปี ในการเสนอปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านน้ำก่ำน้อยที่มีที่ดินติดริมตลิ่งปากน้ำก่ำเชื่อมกับน้ำโขง เนื่องจากมีปัญหาดินกัดเซาะตลิ่งทุกปี ทำให้พื้นที่ดินมีเอกสารสิทธิ น.ส.3 ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถูกน้ำกัดเซาะพื้นที่สูญหายไปปีละกว่า 10-20 เมตร ทำให้เสียประโยชน์ทั้งที่มีมูลค่าที่ดินสูง แถบน้ำโขงมีราคาซื้อขายไร่ละเกือบล้านบาท

ทั้งยังเป็นพื้นที่ทำเลทองในการทำการเกษตรปลูกผักสร้างรายได้ บางรายทุกวันนี้เหลือเพียงเอกสารไว้ดูเป็นที่ระลึกแต่พื้นที่ดินจริงสูญหายไปแล้ว ถูกน้ำโขงกลืนพังไปหมด

ล่าสุดได้เสนอปัญหาไปยังอำเภอ จังหวัด แต่ยังมีปัญหาอ้างไม่มีงบประมาณเพียงพอในการดำเนินการ ตนในฐานะเป็นตัวแทนชาวบ้านอยากฝากไปยังรัฐบาล ฝากถึงนายกรัฐมนตรีให้มาตรวจสอบหาทางแก้ไขเพราะเป็นปัญหาความเดือดร้อนชาวบ้าน จะอ้างว่าไม่มีงบประมาณแล้วจะปล่อยให้ชาวบ้านเดือดร้อนไม่แก้ไข ทั้งที่รัฐบาลพูดเสมอว่าเน้นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนชาวบ้าน แต่ชาวบ้านน้ำก่ำทนทุกข์มากว่า 10 ปียังไม่มีการแก้ไข

ด้าน นางมีนา กาศรุณ อายุ 47 ปี ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนอีกราย เปิดเผยว่า ตนมีพื้นที่ดินริมตลิ่งแม่น้ำโขงประมาณ 2 งานที่ใช้ทำกินมาตั้งแต่สมัยพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย และมีที่ดินเอกสารสิทธิตามกฎหมาย ทำกินปลูกผักสร้างรายได้มาถึงปัจจุบัน แต่มาถึงวันนี้เดือดร้อนที่สุด ที่ดินประมาณ 1 งานสูญหายไป เหลือเพียงเอกสารสิทธิเพราะถูกน้ำกัดเซาะดินริมตลิ่งเพราะไม่มีเขื่อนป้องกันตลิ่ง ทำให้เสียประโยชน์ ทั้งที่มีมูลค่าที่ดินไร่ละเกือบล้านบาท

นางมีนาบอกว่าเคยรวมตัวเสนอปัญหาความเดือดร้อนไปยังหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบแล้ว สุดท้ายเรื่องก็เงียบ ต้องปล่อยไปตามธรรมชาติ ปีนี้น้ำโขงสูงยิ่งถูกกัดเซาะเสียพื้นที่ไปหลายเมตร หากปล่อยไว้ไม่ดำเนินการเชื่อว่าบางรายจะต้องเสียพื้นที่เป็นไร่ วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องหาทางช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านด่วน


กำลังโหลดความคิดเห็น