บุรีรัมย์ - สหวิชาชีพร่วมสอบปากคำลูกสาววัย 17 ปีที่แม่พาเข้าแจ้งจับพ่อแท้ๆ ข่มขืน ส่วนพ่อหื่นยังไม่มอบตัว ด้านแม่-ยายยันเอาผิดถึงที่สุด เผยไม่คาดคิดคนไว้ใจที่สุดจะทำกับลูกได้ลงคอ หวั่นไม่ปลอดภัยเคยถูกขู่ฆ่าต้องไปขออาศัยบ้านญาติ วอนตร.เร่งจับ
วันนี้ (26 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้ากรณีที่นางนิด (นามสมมติ) อายุ 39 ปี ชาว ต.เมืองแก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) บุตรสาวอายุ 17 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.สตึก ว่าได้ถูก นายเจษฎา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2559 หรือ เมื่อ 2 ปีก่อน ช่วงเวลา 14.30 น. ขณะที่นายเจษฎาผู้เป็นพ่อขับรถกระบะพา น.ส.เอ บุตรสาวกลับจากทำธุระในตัวอำเภอสตึก ระหว่างทางจะกลับบ้านนายเจษฎา ได้ขับรถพา น.ส.เอ เข้าไปในรีสอร์ทแห่งหนึ่งในอำเภอสตึก แล้วบังคับให้ น.ส.เอ ลงจากรถก่อนดึงตัวเข้าไปในห้องพัก แล้วใช้กำลังบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ หลังเกิดเหตุ นายเจษฎา ผู้เป็นพ่อยังได้ขู่ลูกสาวด้วยว่าห้ามนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกให้คนอื่นรู้โดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย ด้วยความกลัว น.ส.เอ จึงไม่กล้าปริปากบอกใคร
กระทั่งเมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา นายเจษฎา ยังได้ขอมีเพศสัมพันธ์กับ น.ส.เอ บุตรสาวของตัวเองอีก น.ส.เอ ทนไม่ไหวจึงตัดสินใจนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกแม่ และยาย จนผู้เป็นแม่ได้พาลูกสาวเข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เอาผิดกับผู้เป็นพ่อหรือสามีของตนเอง เพราะเกรงลูกจะถูกกระทำซ้ำอีก เพราะหลังเกิดเหตุลูกสาวก็เกิดอาการซึมเศร้าหวาดกลัว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดทีมสหวิชาชีพได้เรียกเด็กผู้เสียหาย เข้าสอบปากคำที่สำนักงานอัยการจังหวัดแล้ว เพื่อประกอบสำนวนคดี โดยวันนี้เด็กผู้เสียหายได้เดินทางมาพร้อมกับมารดา และยาย ขณะที่นายเจษฎา พ่อที่ถูกแจ้งความกล่าวหา ขณะนี้ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามอบตัวแต่อย่างใด ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะได้ออกหมายเรียกตามขั้นตอน แต่หากไม่มาตามหมายเรียกก็จะขออนุมัติศาลออกมาจับต่อไป
ขณะที่ นางนิด ผู้เป็นแม่ เล่าทั้งน้ำตาว่า ไม่คาดคิดว่าสามีซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของลูกสาวที่ตนเองไว้ใจที่สุด จะกล้าข่มขืนลูกสาวของตัวเองได้ลงคอ ตอนแรกที่ยายมาบอกยังไม่เชื่อ กระทั่งได้เรียกลูกสาวมาถามด้วยตัวเอง ซึ่งลูกสาวยืนยันว่าได้ถูกพ่อข่มขืนที่รีสอร์ทมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ไม่กล้าเล่าให้เพราะถูกพ่อขู่เอาไว้ว่าหากนำเรื่องไปบอกใครจะฆ่าให้ตาย เมื่อทราบข้อความจริงจากปากลูกสาวก็รับไม่ได้ จึงได้ปรึกษาญาติพี่น้องก่อนตัดสินใจพาลูกสาวไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับสามี เพราะหากปล่อยไว้กลัวว่าลูกจะถูกกระทำอีกเรื่อยๆ
หลังจากไปแจ้งความตนเองกับลูกสาวต้องไปขออาศัยอยู่ตามบ้านญาติชั่วคราว เพราะเกรงจะไม่ปลอดภัยเนื่องจากสามีเคยข่มขู่เอาไว้ ประกอบกับสามีเป็นคนอารมณ์ ขี้โมโหด้วย จึงกลัวจะถูกทำร้าย ส่วนยายให้ญาติที่เป็นผู้ชายมาอยู่เป็นเพื่อน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมตัวสามี มาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว เพราะหากยังจับไม่ได้ตนกับลูกสาวก็ต้องเร่ร่อนไปอาศัยอยู่กับญาติหรือคนรู้จักแบบหลบๆ ซ่อนๆไปเรื่อย และตอนนี้ลูกสาวเปิดเทอมได้ 2 วันแล้วแต่ยังไม่ได้ไปโรงเรียนเลย ส่วนตนต้องหยุดทำงาน ทั้งยังต้องมาเสียค่าเหมารถเดินทางไปดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องคดีอีก
ขณะที่ผู้เป็นยาย ของ น.ส.เอ บอกว่า ตนเลี้ยง น.ส.เอ มาตั้งแต่เล็กๆ รักเหมือนลูก เพราะพ่อกับแม่ไปทำงานต่างจังหวัด ปีหนึ่งจะกลับมาเยี่ยม 3 - 4 ครั้ง หรือมาช่วงเทศกาล เมื่อ 2 ปีก่อนหลานร้องไห้มาบอกว่าถูกพ่อข่มขืนก็ยังไม่เชื่อ และยังไม่กล้าบอกลูกสาวเพราะกลัวผัวเมียเขาจะทะเลาะกัน
กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา หลานมาบอกว่าพ่อมาขอมีเพศสัมพันธ์อีก ด้วยความสงสารหลานจึงตัดสินใจบอกลูกสาว จนมีการแจ้งความดังกล่าว ยืนยันว่าจะเอาเรื่องถึงที่สุดไม่ให้อภัยเพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่กระทำกับหลานซึ่งเป็นลูกในไส้ของตัวเอง
