ฝากขัง 3 นายพรานยิงปลายักษ์กลางป่าทุ่งใหญ่ สารภาพล่าส่งขายพ่อค้า "หน.วิเชียร"สั่งราดเบนซินทำลายของกลางก่อนเน่า

กาญจนบุรี - เจ้าหน้าที่นำ 3 นายพรานล่าปลาคัง- แข้ ยักษ์กลางป่าทุ่งใหญ่ ฝากขัง ส่วนนายพรานชาวพม่ารอดคุก เหตุนายจ้างยื่นประกัน 1 แสนบาท ส่วน 1 ใน 2 นายพรานชาวไทยโดนเพิ่มอีก 2 ข้อหา ยาบ้า-อาวุธปืน

กรณี นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี นายปิยะพงษ์ สืบเสน นักวิขาการป่าไม้ปฏิบัติการ ผู้ช่วยหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ พร้อมกำลังชุดลาดตระเวน (ส่วนกลาง) และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ร่วมกันจับผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายใจ (ไม่มีนามสกุล) ชาวพม่า อายุ 26 ปี ของกลางเรือ 1 ลำ ปลาคัง ปลาแข้ และปลาแดง จำนวน 8 ตัว น้ำหนักรวมกัน 99 กิโลกรัม แห 1 ปาก ไฟฉาย 1 กระบอก เบ็ดราว 60 ตัว เชือกไนล่อน 1 ม้วน

2.นายเรืองกิจ จินจารักษ์ ชาว ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ของกลางเป็นเรือ 1 ลำ ปลาคัง 4 ตัว ความยาว ตั้งแต่ 80-170 เซนติเมตร แต่ละตัวมีน้ำหนักประมาณ 75 กิโลกรัม เบ็ดราว 45 ตัว หม้อสนาม 1 ใบ ไฟฉาย 3 กระบอก เชือกไนล่อน1 ม้วน ยาบ้า 75 เม็ด อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน จำนวน 10 นัด เลเซอร์สำหรับติดปืนยาว 1 อัน

และ 3.นายไชยันต์ วิทยายนต์ ของกลางเรือ 1 ลำปลาคัง ปลาแข้ ปลากด และปลาแดง รวมจำนวน 6 ตัว น้ำหนักประมาณ 35 กิโลกรัม อุปกรณ์หาปลา แห 1 ปาก เบ็ดราว 20 ตัว และ เชือกไนล่อน 1 ม้วน

โดยเจ้าหน้าที่จับกุมตัว 3 ผู้ต้องหาขณะเข้าไปลักลอบหาปลาภายในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก บริเวณพื้นที่รับผิดชอบโซนโป่งหอม-แก่งน้ำโจน ที่ไหลลงสู่ลำน้ำแควใหญ่ เขื่อนศรีนครินทร์ ท้องที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี และเป็นพื้นที่รอยต่อเนื่องกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

จากนั้นคณะเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ในช่วงเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 22 ต.ค.61 ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว นั้น

ล่าสุดวันนี้( 25 ต.ค.) ร.ต.อ.กฤษณะ สระบัว รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ร้อยเวรเจ้าของคดี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีดังกล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การยอมรับสารภาพว่าได้แอบลักลอบเข้าไปล่าปลาคลัง-ปลาแข้ยักษ์ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จริง

โดยล่าปลาดังกล่าวมาเพื่อนำไปขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อ และหลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้น จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปขออำนาจศาลจังหวัดทองผาภูมิ ฝากขังเป็นเรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ (24 ต.ค.61)

เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้คัดค้านการประกันตัว โดยพบว่า นายใจ (ไม่มีนามสกุล) ชาวพม่า อายุ 26 ปี มีนายจ้างมายื่นขอประกันตัวออกไป โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 1 แสนบาท เป็นหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราว ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีกสองคนยังไม่มีญาติมายื่นขอประกันตัวแต่อย่างใด ขณะนี้จึงถูกควบคุมตัวอยู่ไว้ที่เรือนจำจังหวัดทองผาภูมิ

ทั้งนี้ได้ตั้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน รวม 3 ข้อหาคือ 1.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 2.ร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยพา เอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย 3.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ส่วน นายเรืองกิจ จินจารักษ์ ได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีก 2 ข้อหาคือ ฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจการตรวจพิสูจน์ของกลาง

สำหรับอาวุธปืน ส่งตรวจพิสูจน์ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 ส่วน ยาเสพติด ส่งตรวจที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.กาญจนบุรี และพิมพ์มือ ส่งตรวจที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร เพื่อนำผลการตรวจพิสูจน์มาประกอบสำนวน คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะ อย่างไรก็ตามหากผลการตรวจส่งมายืนยันเรียบร้อยแล้วก็จะสามารถสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อไป

ด้าน นายวิเชิยร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก เปิดเผยว่า หลังจากจับกุมตัวผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ก็ได้ยึดปลาของกลางเอาไว้ทั้งหมด จากนั้นได้นำเอาน้ำมันดีเซลมาราดทุกตัวเพื่อป้องกันข้อครหา

โดยในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาของกลางเอาไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด เพราะปลาเริ่มเน่า ซึ่งเรื่องเผาทำลายซากปลาของกลางมันค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่สามารถขออนุมัติพนักงานสอบสวนเพื่อนำไปเผาทำลายได้ตามระเบียบ ส่วนกรณีคดีฆ่าเสือดำ ซากของกลางได้เก็บเอาไว้จนกว่าคดีจะสิ้นสุด เพราะเป็นคดีที่สำคัญ

สำหรับจุดจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน อยู่ในลำน้ำแควใหญ่ ลึกจากพื้นที่ประมงมาก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตห้ามล่า และเป็นเหมือนเขตอนุบาลสัตว์น้ำ ถ้าปลาขยายพันธุ์ได้เป็นจำนวนมาก ปลาก็จะออกมาอยู่บริเวณเขตประมง จะทำให้ชาวบ้านจับได้อย่างถูกกฎหมาย