xs
xsm
sm
md
lg

ป้าบุรีรัมย์ร้องสามีถูกรถชนพิการ ศาลสั่งคู่กรณีชดใช้ 1.8 ล้าน 6 ปียังเงียบ ซ้ำถูก รพ.เรียกเก็บค่ารักษา

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บุรีรัมย์- ป้าวัย 53 ชาวสตึก บุรีรัมย์อดีต อสม.ร้อง สามีเสาหลักครอบครัวถูกรถขับย้อนศรชนพิการ ศาลสั่งคู่กรณีชดใช้ 1.8 ล้าน ผ่านไปกว่า 6 ปี ยังไม่ได้เงินสักบาท ซ้ำถูกรพ.เรียกเก็บค่าส่วนต่างรักษา 4.2 หมื่น ทั้งที่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม

วันนี้ (5 ต.ค. ) นางอัญชนา ทองเงา อายุ 53 ปีชาวบ้านสวายสอ ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ อดีตอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ (อสม.) ประจำหมู่บ้าน ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังจาก นายสุดาวิทย์ ทองเงา สามีซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวเคยทำงานบริษัทแห่งหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ มีเงินเดือนๆ ละกว่า 20,000 บาท ถูกรถจักรยานยนต์ขับย้อนศรพุ่งเข้ามาชนขณะสามีขับรถจักรยานยนต์มุ่งหน้าจะกลับบ้าน เมื่อช่วงเย็นวันที่ 8 มี.ค.2554 ได้รับบาดเจ็บสาหัสศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรงจนสลบ ขาซ้ายหัก 3 ท่อน แขนซ้ายไม่มีความรู้สึก จนสามีต้องกลายเป็นคนพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ส่วนคู่กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย

ต่อมาบริษัทได้ส่งทนายความมาช่วยเหลือในการฟ้องร้องคู่กรณี โดยฟ้องแบบอนาถาเนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน กระทั่งเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2556 ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ได้พิพากษาให้จำเลยหรือคู่กรณีชดใช้ค่าเสียหายให้กับสามีรวมเป็นเงิน 1,848,029 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี แต่จนถึงขณะนี้เวลาผ่านไปกว่า 6 ปีแล้วยังไม่ได้รับเงินจากคู่กรณีแม้แต่บาทเดียว

ยิ่งไปกว่านั้นช่วงการรักษาทางโรงพยาบาลบุรีรัมย์ได้ทำเรื่องส่งตัวสามีไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลรามา แต่พอผ่าตัดเสร็จกลับถูกเรียกเก็บค่าส่วนต่างในการรักษาเป็นเงินกว่า 42,000 บาท ทั้งที่สามีใช้สิทธิ์บัตรประกันสังคม เมื่อไปสอบถามทางโรงพยาบาลอ้างว่าให้จ่ายสำรองไปก่อนแล้วค่อยไปทำเรื่องเบิกที่ประกันสังคม แต่พอไปสอบถามทางประกันสังคมก็โยนให้ไปทวงถามกับทางโรงพยาบาลรามาเอง

จากกรณีดังกล่าวตนได้ยื่นหนังสือร้องไปยังโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสตึก และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับความกระจ่างใดๆ จึงอยากวอนให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หรือผู้รู้กฎหมาย ช่วยเหลือครอบครัวด้วยเพราะตอนนี้เดือดร้อนมาก

นางอัญชนา กล่าวทั้งน้ำตาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก ทั้งที่เป็นฝ่ายได้รับเสียหาย แต่กลับไม่ได้ความเป็นธรรมใดๆ เลย ทั้งกรณีที่ศาลสั่งให้คู่กรณีชดใช้ค่าเสียหายก็ยังไม่เคยได้เงินแม้แต่บาทเดียว ส่วนคู่กรณียังใช้ชีวิตปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ถูกดำเนินคดี แต่ตนต้องนำที่นา และบ้านที่อยู่อาศัยปัจจุบันไปจำนองธนาคาร เพื่อนำเงินมาดูแลรักษาสามี ทั้งใช้จ่ายในครอบครัว และส่งลูกทั้ง 3 คนเรียนหนังสือ

แต่ยังไม่เพียงพอล่าสุดต้องให้ลูกคนโตออกจากโรงเรียนเพราะส่งต่อไม่ไหว ส่วนตัวเองต้องลาออกจากการเป็น อสม.เพื่อมาดูแลสามีที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และต้องหารับงานที่พอทำได้มาทำที่บ้านเพื่อหารายได้ใช้จ่ายในครอบครัว จึงอยากเรียกร้องให้ภาครัฐและผู้รู้กฎหมายช่วยเหลือด้วย

ด้าน นายสุดาวิทย์ บอกว่า เมื่อก่อนเคยเป็นเสาหลักของครอบครัว แต่หลังจากถูกรถชนต้องกลายเป็นคนพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องเป็นภาระของภรรยาและลูกๆ คิดว่าจะได้เงินที่ศาลสั่งให้คู่กรณีชดใช้ค่าเสียหายให้กว่า 1,800,000 บาทมาเป็นค่าใช้จ่ายแบ่งเบาภาระครอบครัวบ้าง แต่จนถึงขณะนี้ผ่านไปกว่า 6 ปีแล้วยังไม่ได้รับเงินสักบาท ทั้งที่ศาลได้พิพากษาไปแล้ว

หนำซ้ำยังถูกโรงพยาบาลเรียกเก็บค่าส่วนต่างอีกกว่า 42,000 บาท ทั้งที่ตนเองใช้สิทธิ์บัตรประกันสังคมแต่กลับมาถูกเรียกเก็บเงินโดยอ้างว่าเป็นเงินส่วนต่าง ซึ่งตนไม่รู้ว่าส่วนต่างอะไร แต่เข้าใจว่าสิทธิ์ประกันสังคมไม่ควรจะเสียค่าใช้จ่ายในการรักษา ไม่อย่างนั้นจะทำบัตรประกันสังคมไปเพื่ออะไร โดยเฉพาะตนส่งค่าประกันสังคมมากว่า 20 ปี แต่สุดท้ายกลับมาถูกเรียกเก็บเงินพอไปสอบถามโยนไปโยนมา

จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐออกมาชี้แจง และนำเงินส่วนต่างที่ถูกเรียกเก็บมาคืนให้กับตนด้วย ทุกวันนี้ก็ทุกข์ทรมานมากพอแล้วอย่าซ้ำเติมคนพิการเลย นายสุดาวิทย์ กล่าวในตอนท้าย



กำลังโหลดความคิดเห็น