ชาวนครชัยศรียิ้ม หลังตำรวจรวบ “ไอ้พล” หนุ่มหื่นบุกโรงเรียนหวังกระทำอนาจารนักเรียนหญิง

นครปฐม - ชาวบ้านอำเภอนครชัยศรี ยิ้มออกหลังทราบข่าวตำรวจรวบตัวคนร้ายที่บุกเข้าโรงเรียนหวังกระทำอนาจารนักเรียนหญิง ทั้งนี้ หลายกระแสยืนยันคนร้ายไปวนเวียนหลายโรงเรียนหลังก่อเหตุแห่งแรก พร้อมวอนให้โรงเรียนมีการวิชาสอนมวยไทย และติดกล้องวงจรปิดทุกโรงเรียนป้องกันเหตุร้าย

วันนี้ (22 ก.ย.) หลังจากที่ตำรวจ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม สามารถติดตามจับกุม นายสุรพล พินทอง อายุ 39 ปี หรือพล ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุบุกเข้าโรงเรียนแห่งหนึ่งในตำบลวัดละมุด และพยายามจะกระทำอนาจารนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งกระแสดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนก และเป็นกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 2 ตำบล ในเขตอำเภอนครชัยศรี ตลอดระยะเวลาหลายวัน ซึ่งคนร้ายเคยก่อเหตุฆ่าภรรยา ด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมด้วยการใช้ต้นกระถินแทงไปที่ร่างกายอย่างสยดสยองและนำศพไปอำพรางไว้ในท่อน้ำ ก่อนจะถูกจับกุมดำเนินคดี และถูกปล่อยตัวก่อนจะมาก่อเหตุดังกล่าว

โดยหลังจากชาวบ้านได้ทราบว่ามีการจับกุมคนร้าย และนำตัวเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายได้เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา โดยหลังก่อเหตุได้ไปกบดานที่บ้านของมารดาแต่ไปไม่รอด และถูกจับกุมได้พร้อมรถจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ โดย นายสุรพล พินทอง สารภาพว่า เป็นผู้ที่เข้าไปก่อเหตุในโรงเรียนดังกล่าวจริง ซึ่งหลังตำรวจปิดคดีได้ ชาวบ้านหลายคนที่ทราบข่าวต่างแสดงความดีใจต่อการจับกุมคนร้ายรายนี้ เพราะจะได้นอนตาหลับไม่ต้องมีการหวาดระแวงอีกต่อไป

นายฉัตรฉาน เที่ยงคาม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยกรด ตำบลแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี เผยว่า ในกรณีดังกล่าวหลังจากเกิดเหตุโรงเรียนที่เป็นข่าวได้มีการแจ้งข่าวผ่านระบบไลน์โดยมีการให้รูปพรรณของคนร้าย พร้อมกับพฤติกรรม เมื่อวันที่ 10 กันยายน ซึ่งตนเองได้มีการแจ้งไปยังครู และนักเรียนในโรงเรียนเพื่อให้มีการสังเกตคนแปลกหน้า กระทั่งวันที่ 14 กันยายน ได้มีนักเรียนมาแจ้งว่า มีคนร้ายตามที่บอกได้วนเวียนมาที่โรงเรียน 2 วันติดกัน โดยมาก่อนเวลา 07.00 น. ซึ่งตนเองได้มีการไปแจ้งตำรวจในพื้นที่ไว้ ซึ่งได้มีผู้ปกครองมาแจ้งว่ามีชายคนที่คล้ายกันมาด้อมๆ มองๆ ที่หลังโรงเรียน ตอนนี้รู้สึกโล่งใจมากที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้

ด้าน นายภูมรินทร์ หงส์ทอง ครูโรงเรียนบ้านห้วยกรด หลังทราบข่าวว่าจับตัวนายสุรพล พินทอง ได้แล้ว รู้สึกสบายใจมาก เพราะผู้ปกครองหลายคนกลัวว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดกับบุตรหลาน ซึ่งขณะนี้ก็ได้เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว โดยจากการสอบถามโรงเรียนต่างๆ พบว่า โรงเรียนในบริเวณตำบลบ้านหลวง อำเภอดอนตูม คนร้ายรายนี้ก็ได้พยายามหาเหยื่อเช่นกัน และคาดว่าน่าจะมีอีกหลายโรงเรียนด้วยแต่ไม่ได้รับแจ้ง

ส่วน นายโกมล เล็กโตเร็ว อายุ 41 ปี ชาวบ้าน ม.7 ต.แหลมบัว กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา พวกตนเครียดกันทั้งหมู่เนื่องจากเป็นห่วงบุตรหลานตัวเองที่ต้องไปเรียนหนังสือในพื้นที่แต่อันตรายจากคนร้ายรายดังกล่าว โดยมีการเฝ้าเวรยามร่วมกับผู้ใหญ่บ้านกันที่โรงเรียน 7-8 คน เพื่อป้องกันเหตุ หลังทราบว่าตำรวจจับกุมตัวได้แล้วรู้สึกโล่งใจมากเพราะลูกหลานของตนเองก็เรียนที่โรงเรียนนี้ทั้งหมด จากวันนี้ก็จะได้กลับบ้านพักผ่อนนอนหลับให้สบายใจเสียที

ทางด้าน นายบุญทิ้ง สีนวลขำ อายุ 63 ปี ชาวบ้านในตำบลวัดละมุด บอกว่า ตนเองได้ทราบเรื่องจากหลานชายเป็นครั้งแรกในวันที่ 10 ก.ย.โดยเชื่อว่าหลานไม่โกหก จากนั้นเมื่อทางพ่อแม่ของเด็กหญิงได้เข้าแจ้งความจึงได้มีการรวมตัวกันเพื่อจะมาแอบดักจับคนร้ายซึ่งคิดว่าจะกลับมาวนเวียนก่อเหตุที่โรงเรียนบ้านห้วยกรด ซึ่งตนเองจะมาแต่เช้าตรู่เพื่อมาเฝ้าระวัง การจับตัวคนร้ายรายนี้ได้เป็นเรื่องที่ดีมาก

ขณะที่ชาวบ้านหลายคนก็ยังจับกลุ่มแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และยังได้มีการนำประวัติของ นายสุรพล คนร้ายที่ก่อเหตุอาชญากรรมในการสังหารภรรยาตัวเอง เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.55 โดยก่อนก่อเหตุได้มีการขังภรรยาอายุ 28 ปี ไว้ในบ้าน แต่เมื่อกลับมาบ้านแล้วไม่พบตัวได้เกิดความโกรธแค้น และขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหาจนพบตัว และพากันซ้อนท้ายมาถึงบ้านร้าง และมีปากเสียงกันโดยขอมีเพศสัมพันธ์หลังจากทะเลาะกันเหมือนทุกครั้งที่เคยเป็น แต่ครั้งนี้ภรรยาไม่ยอมเช่นทุกครั้ง ด้วยความโมโหจึงได้ชกไปที่ใบหน้า และนำเอากิ่งกระถินจ้วงแทงไปที่ท้อง และที่คอหลายแห่ง ก่อนจะหาเชือกมารัดคอจนขาดใจ และนำร่างไปทิ้งในท่อเพื่ออำพราง โดยเมื่อตำรวจสอบสวนทำทีร้องไห้ และสงสารภรรยาตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่สุดท้ายก็จำนนด้วยหลักฐาน

จากนั้น นายสุรพล ได้ถูกนำตัวไปดำเนินคดีทางกฎหมาย และถูกจำคุก 15 ปี แต่ติดจริง 4 ปี โดยได้มีการใช้สิทธิในการอ้างว่ามีอาการป่วยทางจิต และขอต่อสู้คดีจนออกมาได้ 1 ปีเศษ และมาก่อเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ ชาวบ้านยังบอกว่า อยากจะให้โรงเรียนต่างๆ นั้นมีการฝึกอบรมการใช้ทักษะศิลปะป้องกันตัวให้แก่นักเรียน และหาวิธีแจ้งเบาะแสหากเจอสิ่งผิดปกติในโรงเรียน รวมถึงผลักดันให้ทุกโรงเรียนมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในจุดที่เป็นทางเข้าออก และจุดล่อแหลมด้วย