xs
xsm
sm
md
lg

ปิดฉากอีกหนึ่งหวยลวงโลก! ศาลยกฟ้องแม่ยายบุรีรัมย์ถูกลูกเขยฟ้องยักยอกลอตเตอรี่ 12 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บุรีรัมย์ - ศาลนางรอง จ.บุรีรัมย์ยกคำร้องคดีลูกเขยวัย 15 ปีฟ้องเอาผิดแม่ยายและญาติรวม 3 คน กล่าวหายักยอกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง 12 ล้าน แม่ยายเผยไม่ติดใจเอาความเพราะยังเป็นเด็ก แค่อยากให้หยุดพฤติกรรมเป็นเด็กเลี้ยงแกะ

วันนี้ (10 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีที่ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี พร้อมมารดาชาว อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่า นางมานิตย์ เต็มปักษี อายุ 44 ปี ชาวบ้านหนองไผ่ ต.เสาเดียว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นแม่ยายของหนุ่มวัย 15 ปีคนดังกล่าวที่ได้อยู่กินกับลูกสาวคนเล็กอายุ 14 ปีแบบสามีภรรยา พร้อมด้วย น.ส.สมศรี สายสมคุณ อายุ 21 ปี บุตรสาวคนโตของ นางมานิตย์ และ นางฉวีวรรณ ลูกจันทร์ อายุ 30 ปี หลานสาวของนางมานิตย์ ว่าทั้ง 3 ยักยอกทรัพย์สลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 หมายเลข 412073 งวดประจำวันที่ 1 เม.ย. 2561 จำนวน 2 ใบ เป็นเงินรางวัล 12 ล้านบาท ที่หนุ่มวัย 15 ปี ซึ่งเป็นลูกเขยอ้างว่าถูกรางวัลที่ 1 แล้วนำลอตเตอรี่ทั้ง 2 ใบไปฝากไว้กับนางมานิตย์ผู้เป็นแม่ยาย แต่กลับถูกแม่ยายนำไปขึ้นเงิน พร้อมทั้งได้มีการว่าจ้างทนายความยื่นฟ้องศาลจังหวัดนางรองให้เอาผิดบุคคลทั้ง 3 คนด้วย ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ทนายปิยณัฐ สุกยัง ทนายอาสาจากเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมจำเลยทั้ง 3 ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีอาญาที่ อ.846/2561 ที่ศาลจังหวัดนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้นัดไต่สวนมูลฟ้อง

โดยในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ คือแฟนของลูกสาวได้อ้างว่าไปซื้อสลากพร้อมกับแฟนสาววัย 14 ปี เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2561 และได้สลักหลังสลากไว้ชัดเจน เมื่อถูกรางวัลแฟนสาวได้โทร.หาแม่ตัวเอง คือจำเลยในคดีนี้ว่าถูกรางวัลที่ 1 และส่งมอบให้จำเลยไปเพื่อขึ้นเงิน โดยหลังจากส่งมอบแล้วอ้างว่าจำเลยได้ยักยอกสลากไปเป็นของตัวเอง ฝ่ายโจทก์จึงได้แจ้งความ และดำเนินการฟ้องโดยตรงต่อศาล ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ฝ่ายโจทก์มีพยานมาเบิกความคือโจทก์ และแม่ของโจทก์ ได้เบิกความยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าจำเลยยักยอกไป และได้ขอหมายศาลไปยังกองสลากเพื่อตรวจสอบรางวัลที่ 1 ชุดที่ 14 งวดดังกล่าวว่ามีคนขอขึ้นเงินรางวัลไปหรือไม่ แต่ปรากฏว่ารางวัลที่ 1 ชุดที่ 14 ได้มีคนขึ้นเงินไปแล้ว และชื่อที่สลักหลังนั้นไม่ใช่ชื่อโจทก์แต่อย่างใด จากนั้นโจทก์จึงขอแก้ฟ้องว่าจำเลยไม่ได้ว่าถูกรางวัลชุดที่เท่าไหร่กันแน่

จากหลักฐานที่ฝ่ายโจทก์เบิกความมาทั้งหมด ศาลได้วินิจฉัยว่าเป็นเพียงแค่พยานบุคคล และพยานบอกเล่า ไม่มีวัตถุพยาน หรือพยานเอกสารมายืนยันว่าจำเลยกระทำผิดจริง และการที่โจทก์ไปแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2561 จำได้ว่าสลากที่ถูกรางวัลคือชุดที่ 14 เป็นระยะเวลากระชั้นชิดกับตอนเกิดเหตุ จึงน่าเชื่อว่าไม่อาจปั้นแต่งเรื่อง ประกอบกับพยานเอกสารจากกองสลากก็ไม่ปรากฏชื่อโจทก์ที่สลักไว้หลังสลาก และไม่ปรากฏชื่อของจำเลย หรือญาติของจำเลยไปขึ้นเงิน ศาลจึงมีคำพิพากษายกคำร้องโจทก์ในชั้นไต่สวน

ด้าน นางมานิตย์ และนางฉวีวรรณ ผู้ถูกฟ้อง กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลยกคำร้องเชื่อว่าความยุติธรรมยังมีอยู่จริง ซึ่งที่ผ่านมาก็ยืนยันในความบริสุทธิ์มาตลอดยอมรับว่าหลังถูกแจ้งความและฟ้องร้องกล่าวหาว่ายักยอกลอตเตอรี่ 12 ล้าน ก็ต้องตกเป็นจำเลยสังคมถูกตราหน้าเป็นหัวขโมยมานานกว่า 5 เดือน แม้จะมั่นใจในความบริสุทธิ์ว่าไม่เคยเห็นลอตเตอรี่ดังกล่าวเลย และไม่รู้ว่าลูกเขยที่กล่าวหานั้นถูกลอตเตอรี่จริงหรือไม่ ที่ผ่านมาทุกข์ใจมาก ทั้งยังต้องเสียเงินและเวลาในการเดินทางไปขึ้นศาล แต่พอมีทนายอาสามาช่วยเหลือจนล่าสุดศาลก็ได้พิจารณายกคำร้องก็รู้สึกดีใจจะได้ไปทำมาหากินตามปกติ

นางมานิตย์ยังกล่าวอีกว่า หากถามว่าโกรธหรือไม่ที่ถูกกล่าวหาก็ยอมรับว่าโกรธและเสียใจที่ลูกสาวของตัวเอง และลูกเขยทำกับตนเองแบบนี้ แต่คงจะไม่เอาความหรือฟ้องกลับเพราะเห็นว่ายังเป็นเด็ก อาจทำไปเพราะความคึกคะนอง หรืออาจจะโกรธที่แม่บอกให้ฝั่งครอบครัวฝ่ายชายมาสู่ขอตามประเพณีหลายครั้งแต่ไม่ยอมมา แต่อยากจะเตือนสติทั้งสองคนให้หยุดพฤติกรรมโกหกจนทำให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะถึงแม้ตนเองจะไม่เอาเรื่องแต่ก็ให้นึกถึงผลของการกระทำด้วย

ทั้งนี้ นางมานิตย์ พร้อมด้วยนางฉวีวรรณ หลานสาวที่ถูกฟ้อง และญาติพี่น้อง ได้พากันไปจุดธูปไหว้ศาลพระภูมิหน้าบ้านเพื่อบอกกล่าวเจ้าที่หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลังจากที่พ้นเคราะห์จากข้อกล่าวหา และขอให้อย่ามีเรื่องต้องทุกข์ใจอีกเลย เพราะครอบครัวก็มีฐานะยากจนอยู่แล้ว



กำลังโหลดความคิดเห็น