อุบลราชธานี - คณะกรรมการจากกรมป่าไม้ฯ แจงกรณีชาวบ้านกุ่ม ต.ห้วยไผ่ อ.โขงเจียม ร้องเรียนปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย หลัง อช.ผาแต้ม แจ้งจับชาวบ้าน 2 ราย ฐานบุกรุก ย้ำรัฐบาลได้จัดสรรให้ผู้ไม่มีที่ดินทำกิน และเข้ามาอยู่ก่อนปี 2557
นายพุฒิพงศ์ วรพฤกษ์ รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการฝ่ายเลขานุการโครงการจัดที่ดินทำกิน เข้าชี้แจงต่อชาวบ้านกุ่ม ว่าขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายจัดที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดงภูโหล่น (พื้นที่เดียวกับอุทยานผาแต้ม) โดยให้เข้าทำกินเป็นแปลงรวม ไม่ให้เอกสารสิทธิเป็นรายบุคคล ตามเจตนารมณ์ของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เพื่อให้รัฐได้ป่า และประชาชนได้ที่ทำกิน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาคนทับป่า ป่าทับคน ที่มีปัญหายืดเยื้อกันมาอย่างยาวนานหลายสิบปี
ขณะเดียวกัน ฝ่ายชาวบ้านกุ่มได้ชี้แจงต่อนายพุฒิพงศ์ และคณะทำงานทราบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น มาจากการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้มเมื่อปี 2534 ทับที่ดินทำกินของชาวบ้านที่ได้เข้ามาตั้งบ้านเรือนก่อนมีประกาศเกือบ 100 ปี หลังการประกาศจึงมีข้อตกลงชาวบ้านที่อยู่มาก่อนสามารถครอบครองที่ดินทำกิน โดยมีเอกสารการครอบครองทั้งในประเภท น.ส.3 และ ส.ค.1 สามารถอยู่อาศัยและประกอบอาชีพได้ตามปกติ โดยห้ามขยายพื้นที่เพิ่มเติมหลังมีการประกาศเป็นเขตอุทยานแล้ว ซึ่งได้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมา
กระทั่งปี 2557 มีประกาศของ คสช.ออกมาเกี่ยวกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเขตอุทยานฯ และป่าสงวนต่างๆ โดยในส่วนของชาวบ้านกุ่ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแต้มได้มีการกำหนดแนวเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้มใหม่อีกครั้งทำให้รุกล้ำเข้ามาในเขตของชาวบ้านที่ครอบครองอยู่ก่อน จึงเกิดเป็นข้อพิพาทระหว่างชาวบ้านกับอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ล่าสุดเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติผาแต้มได้มีการแจ้งจับชาวบ้านฐานบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติจำนวน 2 ราย ทั้งที่ชาวบ้านทั้ง 2 รายได้ทำกินในพื้นที่ก่อนมีการประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ สาเหตุเพราะก่อนการประกาศเป็นเขตอุทยานไม่มีกันพื้นที่ออก
รวมทั้งชาวบ้านที่มีมีเอกสารสิทธิการครอบครองที่ดินมาก่อนจำนวน 76 แปลงไม่ยินยอมรับกับการประกาศแนวเขตใหม่ เพราะจะทำให้ชาวบ้านเสียสิทธิในที่ดิน
โดยนายพุฒิพงศ์พร้อมคณะทำงานโครงการจัดที่ดินทำกินให้แก่ประชาชน กล่าวว่า หลังการพูดคุยกับชาวบ้าน เพื่อชี้แจงการได้สิทธิในที่ดินทำกินแบบแปลงรวมในส่วนของคนที่ยังไม่มีที่ดินทำกินก็จะได้ที่ดินไว้ทำกิน พร้อมยังได้ทราบปัญหาเพิ่มเติม ทั้งมีการประกาศเขตทับซ้อนกับที่ดินทำกิน โดยชาวบ้านยืนยันมีเอกสารการครอบครองที่ดินมาก่อนมีการประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งในเรื่องก็ได้รับจะนำไปเสนอให้คณะทำงานชุดใหญ่ของโครงการทราบเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา โดยเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องลงสำรวจรังวัดแนวเขตให้ชัดเจน เพื่อเป็นการพิสูจน์สิทธิการครอบครองของชาวบ้านจะได้นำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างถาวร
ด้านนายภาณุพงษ์ พันธ์จันทร์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกุ่ม กล่าวว่า หลังได้รับคำชี้แจงจากคณะทำงานที่มาพูดคุยกับชาวบ้าน ทำให้ทราบถึงสิทธิของชาวบ้านมากมาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยทราบมาก่อน ทำให้มีความมั่นใจจากที่เคยตกเป็นผู้ต้องหาเป็นผู้บุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติจะได้รับการแก้ปัญหา ต่างจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ในอดีตไม่เคยชี้แจงทำความเข้าใจต่อชาวบ้าน และไม่เคยสอบถามข้อเท็จจริงจากชาวบ้านเลย
