ฉะเชิงเทรา - รอง ผบ.ตร. เดินหน้าบุกค้นโรงงานหลอมแยกชิ้นส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา พบแห่งที่ 2 มีการจดทะเบียนซ้ำกันในหลายใบอนุญาต คาดเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการนำเข้าวัตถุดิบ ด้านกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมแจ้งหลายข้อหา
วันนี้ (23 พ.ค. ) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกว่า 100 นาย ได้นำกำลังจู่โจมบุกเข้าตรวจค้นโรงงานรีไซเคิลหลอมแยกชิ้นส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์อีกแห่งใน จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากที่วานนี้ได้บุกจับกุมโรงงานในเครือข่ายเดียวกันไปแล้ว
โดยได้บุกเข้าตรวจค้นโรงงานของ บริษัท นิวส์สกาย เมทัล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 111 ม.9 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และพบว่ามีการจดทะเบียนซ้ำกันหลายใบอนุญาตต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรม ภายใต้ชื่อบริษัทเดียวกันถึง 15 แห่ง จึงเชื่อว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการจดทะเบียนเพื่อให้ได้สิทธิ์ ในการนำเข้าวัตถุดิบ เนื่องจากตามใบอนุญาตใน 1 โรงงานนั้นจะมีสิทธิการนำเข้าวัตถุดิบได้สูงสุดเพียง 1 แสนตันต่อปี
และการจดทะเบียนซ้ำเพื่อแบ่งแยกให้เป็นหลายโรงงานจำนวน 15 แห่งนั้น เชื่อได้ว่า บริษัทแห่งนี้ต้องการโควต้าการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นจำนวนมากถึง 1.5 ล้านตันต่อปี
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้ยังดำเนินการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ และยังไม่ได้แจ้งขออนุญาตเปิดดำเนินกิจการ แต่กลับแอบลักลอบทำการหลอมโลหะ โดยใช้ถ่านหินอุณหภูมิต่ำเป็นเชื้อเพลิงซึ่งอาจก่อให้เกิดมลพิษเป็นจำนวนมาก และยังพบว่าได้ประกอบการนำเอากากขยะอิเล็กทรอนิกส์จากทั่วทุกมุมโลกมาวางกองไว้หลายหมื่นตัน
ขณะเดียวกันยังดำเนินการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทำการปิ้งย่างหรือเผา เพื่อละลายสารตะกั่วที่ติดอยู่กับแผ่นบอร์ด เพื่อที่จะแยกชิ้นส่วนออกมา จึงถือ เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และยังพบว่ามีการหลอมโลหะที่มีสารปนเปื้อนหรือฉนวนชนิดพีวีซีหุ้มอยู่ ซึ่งเป็นสารอันตรายก่อมะเร็ง และตัวโรงงานที่ดำเนินการหลอมโลหะนั้นก็ยังไม่ได้รับอนุญาตเช่นเดียวกัน
และที่สำคัญโรงงานแห่งนี้ยังใช้ถ่านหินชนิดการเผาไหม้ที่อุณหภูมิต่ำประมาณ 400-500 องศาเซลเซียส เป็นเชื้อเพลิง (ซึ่งปกติตามโรงผลิตไฟฟ้าจะต้องเผาไหม้ที่ 1000 องศา) จึงก่อมลพิษจำนวนมาก และยังไม่ได้ขออนุญาตที่ถูกต้องทั้งกระบวนการนำเข้า และยังไม่มีการจัดทำประชาคม ให้ประชาชนได้รู้ได้ทราบเพียงแต่มีการนำไปปิดประกาศเอาไว้ยังที่ว่าการอำเภอเท่านั้น
ด้าน นายสุรพล ชามาตย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม จะได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีต่อผู้ประกอบการทั้ง 15 โรงงานในชื่อเดียวกันว่า "ไม่แจ้งประกอบกิจการโรงงาน" และจะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย "ซึ่งมีไว้และครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต" และจะได้ให้อุตสาหกรรมจังหวัด สั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
