ศูนย์ข่าวศรีราชาร่ - ดีเดย์ 7 โมงเช้าพรุ่งนี้ เจ้าท่าฯ พร้อมฝ่ายทหาร ตำรวจ และปกครองเดินหน้าลุยจัดระเบียบท่าเทียบเรือสปีดโบ๊ต เมืองพัทยา เพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ลั่น!! ลงดาบผู้ประกอบการทุกรายที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
วันนี้ (7 พ.ค.) นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเมืองพัทยา เป็นประธานการประชุมคณะทำงานด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจรทางน้ำ เพื่อจัดระเบียบการรับส่งนักท่องเที่ยวขึ้นลงเรือสปีดโบ๊ตไปยังเกาะล้าน ตามนโยบายของ นายภัครธรณ์ เทียนชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ที่มีคำสั่งตามหนังสือเลขที่ 6358/2559 ลงวันที่ 15 พ.ย.2559 ให้มีการแก้ไขปัญหาการจอดเรือรับส่งนักท่องเที่ยวตามแนวชายหาดที่ไม่เป็นระเบียบ และให้ผู้ประกอบการทั้งหมดใช้ท่าเทียบเรือเร็วของเมืองพัทยา บริเวณท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย เป็นจุดรับส่งแทน ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการทดลองกลุ่มนำร่อง จำนวน 150 ลำ เพื่อเป็นการหาจุดบกพร่องในการนำมาวิเคราะห์แก้ไข การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นที่ห้องประชุม 251 ศาลาว่าการเมืองพัทยา โดยมีผู้แทน มทบ.14 นายพิเชษ ธรรมโหร ปลัดอำเภอบางละมุง นายอธิพัชร์ ยิ่งศิริธัญรัฐ รองปลัดเมืองพัทยา และนายธเนศ ศุภรสหัสรังสี สมาชิกสภาเมืองพัทยา รวมทั้งคณะกรรมการเข้าร่วม
นายเอกราช เผยว่า หลังจากที่เมืองพัทยาได้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมท่าเทียบเรือเร็ว หรือโป๊ะทั้ง 4 แห่งของเดิมเพิ่มเติมขึ้นอีก 2 แห่ง เพื่อรองรับการใช้งานให้เพียงพอต่อผู้ประกอบการ กระทั่งวันที่ 2 ก.พ.2560 จึงสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็พบว่า มีผู้ประกอบการถึงร้อยละ 80 เข้ามาใช้งาน ส่วนที่เหลือเจ้าท่าฯ ได้กำหนดจุดผ่อนผันให้ 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณชายหาดพัทยาเหนือ กลาง และใต้ โดยประกอบการเรือจรสามารถใช้เป็นจุดรับส่งนักท่องเที่ยวได้ และต่อมา ในปลายปี พ.ศ.2560 เมืองพัทยา ได้รับเกียรติให้เป็นสถานที่ใช้จัดมหกรรมสวนสนามทางเรือนานาชาติฉลอง 50 ปีอาเซียน ส่งผลให้เจ้าท่าฯ ต้องมีคำสั่งผ่อนผันให้ผู้ประกอบการมาใช้ชายหาดพัทยาใต้เป็นจุดรับส่งนักท่องเที่ยวแทนท่าเทียบเรือเร็ว เนื่องจากได้ถูกใช้งานเป็นท่าเรือรับรองของทหารจากมิตรประเทศ
กระทั่งวันที่ 24 เม.ย.2561 เจ้าท่าฯ ได้จัดประชุมชี้แจงให้ผู้ประกอบการกลับมาใช้ท่าเทียบเรือเร็วดังเดิม ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2561 ผ่านการทำ MOU ร่วมกัน แต่กลับพบว่า ผู้ประกอบการเรือไม่ให้ความร่วมมือลงนามแต่อย่างใด พร้อมขอผ่อนผันออกไปอีก 7 วัน โดยผู้ประกอบการบางส่วนยังได้นำ MOU ฉบับดังกล่าวเข้าร้องเรียนต่อผู้ว่าจังหวัดชลบุรี ว่า การกลับไปใช้ท่าเรือดังเดิมส่งผลกระทบ และสร้างความเดือดร้อนให้ธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะนักท่องเที่ยวได้มีการจองแพกเกจมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ว่าฯ จังหวัดชลบุรี จึงได้มีหนังสือมายังเจ้าท่าฯ ให้มีการพิจารณา และหาแนวทางแก้ไขต่อการจัดระเบียบที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าเราเพิ่งจะมีการเริ่มต้น
“แต่เราได้มีการทดลอง และปฏิบัติมาเป็นระยะเวลานานแล้วตั้งแต่ปลายปี 2559 และก็สามารถใช้งานได้อย่างปกติ ซึ่งปัจจุบัน เมืองพัทยาได้ก่อสร้างเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง กลายเป็นมีท่าเทียบเรือเร็ว 6 แห่ง ในการรองรับปริมาณเรือ เราได้มีการชี้แจงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ถึงความพร้อม และศักยภาพว่ามีเพียงพอ และสามารถใช้งานได้จริง โดยมีการเตรียมแผนการจราจรทั้งทางบก และทางน้ำอย่างรัดกุม โดยโป๊ะ 1 แห่ง สามารถเทียบเรือได้ 3 ลำ ซึ่งสามารถบรรทุกนักท่องเที่ยวได้ถึง 30 คน และใช้เวลาเพียง 5-6 นาที ในการรับส่งหมุนเวียนภายในช่วงเร่งด่วน ตั้งแต่ 07.00-10.00 น. สูงสุด 450 ลำ และเคยแตะที่หลัก 500 ลำมาแล้วก็พบว่า ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด”
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีความเห็นชอบไปในทิศทางเดียวกัน คือ ให้มีการบังคับใช้ตามกฎหมายไม่มีการผ่อนผัน หรือผ่อนปรนอีกแล้ว โดยข้อสรุปให้วันที่ 8 พฤษภาคม เวลา 07.00 น.เป็นต้นไป เจ้าท่าฯ ฝ่ายทหาร ตำรวจ และปกครองจะลงพื้นที่ท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย ลุยจัดระเบียบแก้ไขปัญหาผู้ประกอบการเรือสปีดโบ๊ตอย่างจริงจัง
