เลย - คืบคดีรุมโทรมเด็กหญิงอายุ 14 ปี ถูก 3 โจ๋รุมข่มขืน นำผู้เสียหายเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของทีมสหวิชาชีพ เผยคำให้การมีประโยชน์ เด็กหญิงชี้ตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ได้ถูกต้อง ตำรวจไม่หนักใจทำคดี ญาติมั่นใจหลานสาวได้รับความยุติธรรมหลังเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน
ความคืบหน้าจากกรณีที่ลุงได้เดินทางร้องสื่อมวลชนว่า หลานสาว ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอปากชม ถูกวัยรุ่นอายุ 17-19 ปี 3 คน เป็นเพื่อนรุ่นพี่ หลอกให้ดื่มเบียร์แล้วหมดสติ พอได้สติขึ้นมาถูกวัยรุ่นชายทั้ง 3 คน เวียนเทียนข่มขืน และตบตีทำร้ายร่างกายตั้งแต่คืนวันที่ 31 ธันวาคม 60 ปีที่ผ่านมา ญาติได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.เชียงกลม กลับถูกให้ไปตามหาผู้ต้องหาเอง และบอกให้รอผลคดี รอผลแพทย์ประมาณ 3-4 เดือนค่อยดำเนินคดี ซึ่งทางญาติกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องขอสื่อมวลชนขอความเป็นธรรมให้แก่หลานสาว พร้อมกับวิงวอนขอให้มูลนิธิปวีณา หงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ช่วยเรื่องของคดี
ล่าสุดวันนี้ (12 ม.ค. 61) พนักงานสอบสวน สภ.เชียงกลม ได้พา ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ที่ถูก 3 วัยรุ่นเพื่อนรุ่นพี่รุมข่มขืน เดินทางมาพร้อมผู้ปกครองไปที่สำนักงานอัยการจังหวัดเลยเพื่อสอบสวน ร่วมกับพนักงานอัยการ พร้อมกับสหวิชาชีพ คดีกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เข้าสู่กระบวนการสอบสวนเด็กและเยาวชน โดยมีญาติของฝ่ายผู้เสียหายหลายคนเดินทางมาร่วมรับฟังการสอบสวน
จากการสอบสวนของพนักงานสอบสวน อัยการ และสหวิชาชีพ ตั้งแต่ 10.00 น. จนถึงเวลา 15.30 น. ผู้เสียหาย ด.ญ.บีให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก ทั้งเล่าเหตุการณ์และระบุตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พร้อมทั้งชี้ภาพถ่ายทั้ง 3 คนได้อย่างแม่นยำ ต่อหน้าพนักงานอัยการและสหวิชาชีพที่มาสอบปากคำ
ด้าน พ.ต.อ.ภุชงค์ ภัทรพงศ์สินธุ์ ผกก.สภ.เชียงกลม ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า คดีนี้ผู้เสียหายให้การชัดเจน และสอดคล้องกับพยานที่มาให้การ ว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำผิด คดีนี้จึงไม่ยุ่งยากและซับซ้อนแต่อย่างใด ขณะเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการจับเยาวชนที่ทำผิดทั้ง 3 คนได้หมดแล้ว ที่สำคัญทั้ง 3 คนยอมรับสารภาพ ซึ่งผู้ต้องหาอายุ 19 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปฝากศาล และกักขังที่เรือนจำจังหวัดเลย ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน อายุ 16 ปี และ 17 ปี นำไปฝากขังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเลย
ทั้งนี้ การดำเนินคดีคงต้องเป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย การดำเนินคดีทางพนักงานสอบสวนต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ การตรวจเปรียบเทียบ DNA ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ยืนยันว่าการดำเนินคดีจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ด้านญาติผู้เสียหายให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นในขั้นการสอบสวนเริ่มมีความมั่นใจ และเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากผู้กำกับการได้เปลี่ยนพนักงานสอบสวน และลงมาดูด้วยตัวเอง ตลอดจนได้แต่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยพนักงานสอบสวนคนเก่าที่เคยร้องเรียนไปกับสื่อ โดย ผกก.ให้ความมั่นใจว่าการดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำอย่างตรงไปตรงมา ทำให้รู้สึกพอใจ หวังว่าหลานสาวคงได้รับความยุติธรรมตามกระบวนการกฎหมาย
