ร้อยเอ็ด - วอดรับปีใหม่ ไฟไหม้สลัมกลางเมืองร้อยเอ็ด เสียหาย 3 หลัง โชคดีไม่มีคนอยู่บ้าน สันนิษฐานไฟฟ้าลัดวงจร
วันนี้ (27 ธ.ค.) เวลา 11.50 น. พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองร้อยเอ็ด ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านย่านสลัม ไม่มีเลขที่ บริเวณคลองคูเมืองติดถนนผดุงพาณิชย์ หน้าวัดบูรพาภิราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด จึงประสานไปยังงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด นำรถดับเพลิง 3 คันไปยังที่บ้านเกิดเหตุ พบลักษณะเป็นบ้านไม้เก่าใต้ถุนสูง หลังคาและผนังสังกะสี และลามไหม้ไปยังบ้านที่ปลูกติดกัน 3 หลัง โดยใช้เวลา 30 นาทีงานป้องกันและรักษาความสงบเรียบร้อยเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดจึงระดมฉีดน้ำดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้และสกัดกั้นไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านหลังอื่นจนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ พบว่าบ้าน 2 หลังแรกได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่วนหลังที่ 3 เสียหายบางส่วน
จากการสอบสวน นายพอพิชิต สมบูรณ์ เจ้าของบ้านหลังที่ 3 เล่าว่า ตนขับรถสามล้อเครื่องรับจ้างอยู่หน้าวัดบูรพาภิรามเข้ามาเอาบัตรประชาชนเพื่อจะไปติดต่อธนาคาร ขณะลงจากบ้านพบเพลิงกำลังลุกไหม้บริเวณเสาบ้านหลังกลาง และลุกลามไปยังบ้านหลังแรกอย่างรวดเร็ว จึงได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง
นายบุญเกิด ภูมาตร อายุ 61 ปี เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนไม่อยู่บ้าน ได้แวะเข้ามาอาบน้ำ และออกไปทำงานขับรถ 3 ล้อเครื่องรับจ้างตามปกติ ทันทีที่ทราบข่าวรีบเข้ามาดู สิ่งของสำคัญที่เสียหายคือ โทรทัศน์ และตู้เย็น ส่วนบ้านติดกันที่เสียหายทั้งหลังคือบ้านของนางจันทร์ คัทเนตร อายุประมาณ 55 ปี อาศัยอยู่กับหลานสาว 1 คน มีอาชีพขายของที่ตลาดสดทุ่งเจริญ ที่ทรัพย์สินทุกอย่างรวมทั้งรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ใต้ถุนบ้านเสียหายไปด้วย
ด้านนายกองพล ศิริเวช หัวหน้าฝ่ายป้องกันและรักษาความสงบเรียบร้อยเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ผู้ควบคุมการดับเพลิงครั้งนี้ เปิดเผยว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และการแจ้งเหตุผ่านเครือข่ายอื่น โดยไม่แจ้ง 199 โดยตรง ทำให้การระงับเหตุล่าช้าหลังเกิดเหตุกว่า 10 นาที
หากแจ้งตรงจะมาถึงภายในไม่เกิน 5 นาทีจะสามารถระงับเหตุและป้องกันทรัพย์สินเสียหายได้รวดเร็วขึ้น โดยไม่ติดต่อลุกลามไปยังอาคารหลังอื่นให้ได้รับความเสียหายไปด้วย
จึงอยากเตือนว่าให้ระวังอากาศหนาวที่ลมแรงเอื้อต่อการเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้ง่าย ประชาชนจึงควรให้ความระมัดระวังเรื่องระบบไฟฟ้า สายไฟ ปลั๊กไฟ เครื่องทำให้เกิดความร้อนทุกชนิด ที่เก่า ชำรุด ควรได้รับการดูแลและใส่ใจ ก่อนออกจากบ้านควรตรวจสอบให้แน่ชัด จะสามารถช่วยกันป้องกันการเกิดอัคคีภัยได้ดีอีกทาง
ร้อยตำรวจโทหญิง ปาริฉัตร หมู่หาญ พนักงานสอบสวนเวร กล่าวว่า ด้านความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งนี้จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐานสอบสวนหาสาเหตุที่ชัดเจนต่อไป
