xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นคำสั่งศาล สองพยานปากสำคัญมั่นใจ “ครูจอมทรัพย์” ไม่ผิด เชื่อความเป็นธรรมยังมี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นครพนม - สองพยานปากสำคัญมั่นใจ “ครูจอมทรัพย์” ไม่ผิด ยืนยันเห็นคนขับเป็นชาย เชื่อมั่นความเป็นธรรมยังมีในสังคม ลุ้นคำสั่งศาล 17 พ.ย.นี้ ทางด้านผู้การฯ นครพนมเผยตำรวจเตรียมพร้อมหลังมีคำพิพากษา 2 แนวทาง หากศาลยกคำร้องต้องสอบสวนหาผู้ทำผิดและย้อนกลับเริ่มทำคดีใหม่ รวมทั้งการเยียวยา แต่หากศาลพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นถือว่าคดีสิ้นสุด

วันนี้ (16 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าภายหลังศาลจังหวัดนครพนมได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีดังเป็นที่สนใจของสังคม และยังเป็นคดีประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับการออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมของผู้ที่ตกเป็นจำเลย ในคดีอาญาตาม พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 ของ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี อดีตข้าราชการครูชาว จ.สกลนคร ที่ออกมาร้องทุกข์ต่อกระทรวงยุติธรรมว่าตกเป็นแพะ หลังถูกตัดสินจำคุกเกี่ยวกับคดีขับรถชนคนตาย ผู้เสียชีวิตคือ นายเหลือ พ่อบำรุง อายุ 74 ปี ชาวบ้าน ต.พระซอง อ.นาแก จ.นครพนม เหตุเกิดเมื่อ 11 มีนาคม 2548 ในพื้นที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม หลังติดคุก 1 ปี 6 เดือน จากคำพิพากษาตัดสินของศาลฎีกา ให้จำคุก 3 ปี 2 เดือน เมื่อปี 2556 แต่ได้รับการอภัยโทษออกมาเมื่อปี 2558 จนกระทั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้น คือ ศาลจังหวัดนครพนม พิจารณารื้อคดี โดยมีกำหนดนัดสืบพยานเมื่อวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา โดยศาลจังหวัดนครพนมได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.00 น.นั้น


ล่าสุดพยานปากสำคัญของครูจอมทรัพย์ที่ไปเบิกความต่อศาลจังหวัดนครพนมในการพิจารณาคดีใหม่ คือ นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี ที่ยืนยันว่าในวันเกิดเหตุพบว่า คนขับรถยนต์ชนคนตายเป็นชายที่เดินลงมาดูผู้เสียชีวิตก่อนขับรถหลบหนีไป เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวว่าจะมีการอ่านนำพิพากษาของศาลเกี่ยวกับคดีครูจอมทรัพย์ ทำให้อยากรู้ผลคำพิพากษาเป็นอย่างมาก เพราะตั้งแต่ขึ้นศาลไปเป็นพยานตนไม่ทราบข่าวอีกเลยนานร่วม 10 เดือน และไม่ได้ติดต่อกับครูจอมทรัพย์เลย หากไม่ติดงานสำคัญจะไปรอฟังคำพิพากษากับครูจอมทรัพย์

ที่ผ่านมาตนไม่ได้รู้จักไม่ได้คุ้นเคยกับครูจอมทรัพย์มาก่อนเลย มารู้จักตอนออกมาจากคุก และมีคนมาสอบถามขอให้เป็นพยานในศาลให้ ตนในฐานะที่เป็นคนที่อยากให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมจึงยอมไปเป็นพยานในศาลกับเพื่อนบ้านอีก 1 คนที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปด้วยกันในวันเกิดเหตุ ทั้งนี้ไม่ว่าผลคำพิพากษาออกมาอย่างไร ตนยังยืนยันว่าวันที่เกิดเหตุสิ่งที่พบเห็นคนขับรถที่เกิดเหตุชนคนตายเป็นชาย แต่ไม่รู้เป็นใคร และจำยี่ห้อรถรวมถึงทะเบียนได้ทั้งหมด จึงยอมไปเป็นพยานให้ เพราะอยากให้ทุกอย่างปรากฏความจริง ส่วนผลจะออกมาอย่างไรให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่สิ่งที่เห็นคือความจริง

หากคำพิพากษาออกมาว่าครูจอมทรัพย์เป็นแพะในคดี ตนอยากให้คืนความยุติธรรมให้เพราะสงสารหากไม่ได้ทำผิด แต่หากผลออกมาว่าครูจอมทรัพย์เป็นคนผิด ตนยังยืนยันว่ายังติดใจ และขัดแย้งกับสิ่งที่เห็น และหากผลออกมาขัดกับความรู้สึก ในส่วนตัวต้องยอมรับว่าความเป็นธรรมในสังคมหายาก แต่สุดท้ายเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ต้องรอฟังคำพิพากษาเป็นที่สุด

ด้าน นางทองเรศ วงศ์ศรีชา อายุ 52 ปี พยานปากสำคัญ 1 ใน 2 ปากที่ถือเป็นพยานสำคัญในการเป็นพยานให้แก่ครูจอมทรัพย์ ยังคงออกมายืนยันว่าเห็นคนขับรถยนต์ก่อเหตุเป็นชายลงมาดูศพผู้ตายก่อนขับรถยนต์หนีไป แต่สามารถจำเลขทะเบียนรถได้เพียง 56 ไม่สามารถจำยี่ห้อ รวมถึงหมวดอักษร และจังหวัดของป้ายทะเบียนได้ หลังทราบว่าจะมีการอ่านคำพิพากษาของศาลทำให้รอลุ้นว่าผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งตนยังคงรอดูว่าสิ่งที่ตนเห็นกับการดำเนินการทางกฎหมายจะสวนทางกันหรือไม่

ทางด้าน พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมได้มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การพิจารณาไต่สวนของศาล เบื้องต้นในกระบวนการสอบสวนเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามพยานหลักฐาน ตามข้อเท็จจริง ส่วนการที่ครูจอมทรัพย์ออกมาเรียกร้องเพื่อให้รื้อฟื้นคดี ถือเป็นขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้บทสรุปจะต้องรอคำพิพากษาของศาล

อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวทางของตำรวจ หลังคำพิพากษาของศาลได้เตรียมพร้อมในการทำงานไว้ 2 แนวทาง คือ แนวทางแรก หากศาลได้มีคำพิพากษายกคำร้อง ทางตำรวจจะต้องมีการพิจารณา สอบสวนหาตัวผู้กระทำผิด รวมถึงตรวจสอบความผิดพลาด หรือมีการเยียวยาไปตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ขั้นตอนการสอบสวน และแนวทางที่สอง หากทางศาลพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ทางตำรวจถือว่าคดีสิ้นสุด

ส่วนการตรวจสอบในเรื่องผลกระทบความเสียหาย หรือขั้นตอนทางกฎหมาย จะต้องเสนอรายงานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป หากต้องมีการตรวจสอบดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้อง และสร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่างๆ ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้คำพิพากษาของศาลด้วย ต้องเป็นที่สิ้นสุด
พล.ต.ต.สุวิชาญ  ญาณกิตติกุล  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม
กำลังโหลดความคิดเห็น