xs
xsm
sm
md
lg

โผล่อีก! พยานคดี “ครูแพะ” ให้การชั้นศาลคนขับชนเป็นผู้ชาย สาบานพระธาตุพนมพูดความจริงตามที่เห็น(ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นางทองเรศ  วงศ์ศรีชา วัย51 ปี อาชีพทำนา  ซึ่งเป็นเพื่อนของนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี และเป็น 1 ใน 2 พยานปากเอกที่เห็นเหตุการณ์รถชนนายเหลือ พ่อบำรุง ผู้ตาย
นครพนม - โผล่อีกราย! พยานปากเอกคดีแพะ “ครูจอมทรัพย์” ให้การในชั้นศาล ยืนยัน “คนขับรถชนเป็นผู้ชาย” เผยวันเกิดเหตุนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนที่เป็นพยานด้วยกันจะกลับบ้านมีรถยนต์แซงอย่างแรงแล้วเห็นชนจักรยานผู้ตายซ้ำเดินลงมาดูก่อนเร่งเครื่องหลบหนี ยกมือท่วมหัวสาบานพระธาตุพนมที่ให้การกับศาลเป็นความจริงที่เห็นกับตา



เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (19 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 57 บ.นาคู่ หมู่ 2 ต.นาคู่ อ.นาแก จ.นครพนม บ้านของนางทองเรศ วงศ์ศรีชา วัย 51 ปี อาชีพทำนา ซึ่งเป็นเพื่อนของนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี และเป็น 1 ใน 2 พยานปากเอกที่เห็นเหตุการณ์รถชนนายเหลือ พ่อบำรุง ผู้ตาย ซึ่งนางทองเรศได้ไปเป็นพยานให้การในชั้นศาลคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 56 ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ที่ถูกกล่าวหาว่าขับรถชนคนตาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 48 ในพื้นที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม

นางทองเรศ วงศ์ศรีชา หนึ่งในพยานปากสำคัญที่เห็นเหตุการณ์และเป็นพยานชั้นศาลในคดีดังกล่าว เล่าว่า วันเกิดเหตุนางทัศนีย์ชักชวนตนไปร่วมงานบุญแจกข้าวที่ ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร โดยตนเป็นคนนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ดรีม สีขาว ทะเบียน ฉ 2744 นครพนม ของนางทัศนีย์ กระทั่งได้เวลาจะกลับบ้านที่บ้านนาคู่ ต.นาคู่ ขณะที่นางทัศนีย์ขับรถขึ้นถนนทางหลวงหมายเลข 2031 สายธาตุน้อย-นาเหนือ ช่วง บ.สร้างเม็ก ต.ท่าลาด ได้ยินเสียงเร่งเครื่องรถยนต์มาด้วยความเร็วสูง ขับแซงรถจักรยานยนต์ที่ตนซ้อนท้ายไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นานเห็นรถยนต์คันดังกล่าวพุ่งชนรถจักรยานที่ นายเหลือ พ่อบำรุง ผู้ตาย ทำให้ร่างนายเหลือปลิวกระเด็นตกพื้น

นางทองเรศเล่าต่อว่า สักพักตนก็เห็นคนขับรถยนต์ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้สังเกตว่าเป็นรถกระบะหรือรถเก๋งเพราะตนนั่งซ้อนท้ายดูอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 30 เมตร แต่แสงไฟหน้ารถจักรยานยนต์ของนางทัศนีย์ส่องเห็นถึง เปิดประตูรถฝั่งคนขับเดินลงมา คนขับมีลักษณะท้วม สวมรองเท้าหนัง เสื้อแขนยาวสีดำ เดินลงมาดูนายเหลือ คนถูกรถชนแล้วก็เดินขึ้นรถเร่งเครื่องขับหลบหนีไป

“หลังเกิดเหตุก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะผู้ประสบเหตุถูกรถชนไม่ใช่ญาติพี่น้องฉัน และนางทัศนีย์เลย” นางทองเรศกล่าว

นางทองเรศกล่าวต่อว่า จนเหตุการณ์ผ่านไปสักระยะเนิ่นนาน นางทัศนีย์ก็มาเล่าให้ฟังว่าหลังที่พวกตนพบเห็นเหตุในวันนั้น ยืนยันและคุยกันกับนางทัศนีย์ว่าคนขับเป็นผู้ชาย แต่มารู้ภายหลังว่าคนที่ต้องโทษจำคุกกลับกลายเป็นผู้หญิง แต่ตนก็ไม่ใส่ใจอะไร กระทั่งมีหมายศาลเรียกให้ตนไปเป็นพยานชั้นศาล ขณะที่ครูที่ถูกกล่าวหาว่าขับรถชนคนตายทราบภายหลังว่าติดคุกไปแล้ว

ตนไปขึ้นศาลในวันนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวพร้อมกับนางทัศนีย์ และยังพบเห็นนายสับ วาปี ซึ่งทราบว่าเป็นผู้ออกมารับสารภาพว่าเป็นผู้ขับรถชนตัวจริง พบเห็นตัวและเดินผ่านกัน แต่ไม่ได้คุยกันเพราะอยู่กันคนละห้อง และศาลได้เรียกเข้าห้องพิจารณาทีละคน ซึ่งก็เห็นด้วยว่านายสับก็มีรูปร่างลักษณะท้วม

“เมื่อถึงคิวให้การเป็นพยานในศาล ศาลได้ถามฉันว่าคนขับรถคันก่อเหตุเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ฉันจึงตอบศาลไปว่าลักษณะคนขับรถชนเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง ซึ่งศาลก็ถามแค่นี้สั้นๆ ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ” นางทองเรศระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นางทองเรศให้สัมภาษณ์พูดคุยกับผู้สื่อข่าวอยู่นั้น ได้ยกมือพนมไหว้และกล่าวสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระธาตุพนมว่า ทุกถ้อยคำที่ตนพูดและให้การในศาลไปนั้นไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดมาเสนอหรือให้สินจ้างเพื่อให้พูดช่วยเหลือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น ซึ่งตนก็ได้พูดตามความจริงที่พบทั้งหมด
สาบานต่อพระธาตุพนมว่าให้การชั้นศาลตามความจริงที่เห็นกับตา




กำลังโหลดความคิดเห็น