“พังฟ้าแจ่ม” อาการดีขึ้น หลังรักษาด้วยธาราบำบัด

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้อำนวยการสวนนงนุช พอใจลูกช้างป่าพังฟ้าแจ่ม ที่นำมารักษาด้วยธาราบำบัด แข็งแรงขึ้น สัตวแพทย์เผยใช้มอนิเตอร์ตรวจดูการลงน้ำหนักเท้าหน้าซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บ เป็นดัชนีชี้วัดอาการดีขึ้นตามลำดับ

จากกรณีที่สวนนงนุชพัทยา ได้รับลูกช้างป่าพังฟ้าแจ่ม ที่ถูกบ่วงพรานล่าสัตว์ในเขตป่าเขาแก่งหางแมว จ.จันทบุรี จนได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าหน้าด้านซ้ายมาทำการบำบัดรักษา โดยที่ผ่านมา ได้ทำการธาราบำบัดเพื่อให้ลูกช้างป่าพังฟ้าแจ่มมีอาการดีขึ้น ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ (5 ม.ค.) ที่ศูนย์กายภาพและฝึกสุนัข รพ.สัตว์เนินพลับหวาน เลขที่ 7/9 ม.7 ซ.หนองไม้แก่น 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายกัมพล ตันสัจจา ผู้อำนวยการสวนนงนุชพัทยา และ น.สพ.เผด็จ ศิริดำรง สัตวแพทย์ประจำสวนนงนุชพัทยา พร้อมคณะได้นำลูกช้างป่าพังฟ้าแจ่ม มาทำการธาราบำบัด ครั้งที่ 2 เพื่อบำบัด และให้ลูกช้างป่าคุ้นชินต่อการว่ายน้ำเพื่อสร้างกล้ามเนื้อขาให้มีความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น

น.สพ.เผด็จ เผยว่า การทำธาราบำบัดครั้งนี้พบว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งขาข้างที่บาดเจ็บสามารถรับน้ำหนักได้ดีขึ้นกว่าเดิม จากการดูมอนิเตอร์ลงน้ำหนักของขาหน้าทั้งสองเป็นดัชนีชี้วัด โดยครั้งแรกจะเห็นได้ว่า ลูกช้างมีอาการตื่นน้ำ แต่ครั้งนี้ลูกช้างจะดูนิ่งขึ้น และมีความสนุกสนานต่อการว่ายน้ำมากขึ้น

โดยหลังจากนี้ต้องทำการธาราบำบัดวันเว้นวัน เฉลี่ยวันละประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้อาการบาดเจ็บดีขึ้น และจะทำการประเมินร่วมกับทีมแพทย์ซึ่งอาจปรับเวลาธาราบำบัดเพิ่มมากกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งต้องดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยมีระบบเซฟตี้ช่วยพยุงน้ำหนักลูกช้างป่าพังฟ้าแจ่มตลอดระยะเวลาการธาราบำบัด ซึ่งหากอาการดีขึ้นก็จะลดจำนวนเจ้าหน้าที่ที่จะช่วยพยุงน้ำหนักลูกช้างลงตามลำดับ

ด้าน นายกัมพล ตันสัจจา ผู้อำนวยการสวนนงนุชพัทยา กล่าวว่า ตอนแรกทางสวนนงนุชเป็นห่วงว่าบาดแผลยังไม่หายดี เมื่อไปโดนน้ำแล้วอาจทำบาดแผลแย่ลงกว่าเก่า แต่ทางคณะสัตวแพทย์แนะนำว่า หากปล่อยไว้นานขาอาจจะลีบจนขาที่ 4 ไม่สามารถรับน้ำหนักตัวเองได้ เพราะลูกช้างมีความเจริญเติบโตมากขึ้นทุกวัน ซึ่งจะทำให้ยากต่อการรักษา

เมื่อมองดูเหตุผลแล้ว สวนนงนุชเองจึงทำตามคำแนะนำของคณะแพทย์เพราะเราต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกช้างพังฟ้าแจ่ม เบื้องต้น มีผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะลูกช้างป่าพังฟ้าแจ่ม มีสุขภาพที่ดีขึ้น และขาที่ได้รับบาดเจ็บก็มีเรี่ยวแรงมากขึ้นด้วย ซึ่งต่อไปคงต้องทำธาราบำบัดตามสัตวแพทย์แนะนำแบบวันเว้นวัน