กาฬสินธุ์ - ตำรวจมั่นใจปมฆาตกรรมเสี่ยเมืองกรุงหักผลประโยชน์ค่านายหน้าที่ดิน-ชู้สาว ขณะที่ญาติเศร้าเดินทางรับศพ ให้ปากคำตำรวจ พร้อมเรียกร้องให้เร่งจับคนร้ายมาดำเนินคดี
คืบหน้าคดีพบศพ นายภาสพล รัตนตยาธิคุณ “เสี่ยพล” หรือ “ตุ้ม” อายุ 48 ปี นักธุรกิจหนุ่มจากเมืองกรุง และนักเรียนนอก ถูกยิงเสียชีวิตริมถนนสายสมเด็จ-ผาเสวย อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สภาพโดนยิงเข้าที่ท้ายทอย ที่เกิดเหตุพบรอยเลือด และหัวกระสุนปืนไม่ทราบขนาดในที่เกิดเหตุ และตำรวจยังพบร่องรอยแฝงจำนวนมาก ซึ่ง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบช.สนง.ตำรวจแห่งชาติ ลุยสางคดีโดยกำชับให้ตำรวจภูธรภาค 4 และตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดทีมคลี่คลายคดีอย่างเร่งด่วนตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (5 พ.ค.) ที่ห้องประชุมชัยสุนทร ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.วิเชียร พินดวง พ.ต.อ.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ และ พ.ต.ต.รพี สีพันนา พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ได้สอบปากคำ น.ส.ฐาปานีย์ พรมมิน อายุ 39 ปี (ภรรยา) เลขที่ 1070/63 ซอยสุขุมวิท 101/1 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. น.ส.ภัณฑิรา รัตนตยาธิคุณ (บุตรสาวผู้ตาย) อายุ 22 ปี เลขที่ 459/55 ซอยลาดพร้าว 94 (ปัญจมิตร) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. พร้อมญาติรวม 7 คน
โดยมี นายไชยวัฒน์ นวลละมัย ทนายความบริษัท เซเว่นปริ้น กรุ๊ป จำกัด ซึ่ง นายวิรัช รัตนตยาธิคุณ (พ่อของผู้ตาย) ให้มารับศพ และให้ตำรวจทำการสอบปากคำต่อพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ซึ่งญาติทั้ง 7 คน ได้เดินทางไปดูศพ นายภาสพล รัตนตยาธิคุณ (ผู้ตาย) ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ขอนแก่น ก่อนเดินทางมาให้ปากคำที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ทันทีที่ถึงสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ทำการสอบสวนทันที โดยแยกทั้งหมดออกเป็น 3 กลุ่ม ให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำในฐานะพยานผู้เสียหายในคดีอาญา และระหว่างที่ทำการสอบญาติบางส่วนได้เดินทางไปที่บริเวณจุดเกิดเหตุ บริเวณผาเสวย อ.สมเด็จ ได้ทำการจุดธูปเชิญดวงวิญญาณ ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามญาติซึ่งต่างตกอยู่ในอาการตกใจ โดยเฉพาะลูกสาวที่เสียใจ และต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเอาคนร้ายมาลงโทษ
นายไชยวัฒน์ นวลละมัย ทนายความ กล่าวว่า ตนเป็นทนายความ รับว่าความให้แก่บริษัท เซเว่นปริ้น กรุ๊ป จำกัด ได้รับการว่าจ้างมาจาก นายวิรัช รัตนตยาธิคุณ พ่อของผู้ตาย วันนี้เดินทางเข้ามารับศพผู้ตาย และมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำญาติในฐานะพยานฝ่ายผู้เสียหาย ในส่วนประเด็นการเสียชีวิตนั้นตนไม่ทราบเพราะการว่าจ้างจะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ตนได้เริ่มเข้ามาทำคดีให้แก่ นายวิรัชในช่วงปี 2557 หลังจากที่โรงพิมพ์ชื่อ บริษัท เซเว่นปริ้น กรุ๊ป จำกัด ของนายวิรัช รัตนตยาธิคุณ พ่อผู้ตาย ถูกฟ้องล้มละลายในปี 2556 เข้ามาเป็นทนายในส่วนของลูกหนี้ และขอเข้าประนอมหนี้กับบริษัท อัลฟ่า จำกัด ที่มีมูลหนี้ จำนวน 100 ล้านบาท การประนอมหนี้ได้ใช้ที่ดินซึ่งอยู่ในซอยประชาอุทิศ 13 เป็นที่ดินค้ำประกัน และเมื่อผลการประนอมหนี้ออกมา เจ้าหนี้ตกลงให้ชำระหนี้เป็นจำนวนเงิน 80 ล้านบาท ทำให้เหลือเงิน จำนวน 20 ล้านบาท จึงได้แบ่งเป็นค่าเครื่องจักร 6 ล้านบาท และเป็นเงินที่เหลืออยู่ 14 ล้านบาท ทั้งหมดได้ทำสัญญากันที่สำนักงานที่ดินเขตห้วยขวางในช่วงกลางดึกของวันที่ 27 เมษายน 2559 ถึงวันที่ 28 เมษายน 2559
ทนายความรายนี้ กล่าวว่า ในเรื่องปัญหาครอบครัวนั้นไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไร เพราะตนมีหน้าที่ทางคดีแพ่ง ซึ่งก็เห็นว่าพ่อกับลูกชายที่ตายก็คุยกันปกติ ในขณะนี้ก็ยังเตรียมที่จะเข้าไปไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินอยู่ที่จังหวัดยะลา ซึ่งมีหนี้สินติดกับธนาคารอีก 40 ล้านบาท
น.ส.ภัณฑิรา รัตนตยาธิคุณ อายุ 22 ปี บุตรสาวผู้ตาย กล่าวว่า ครอบครัวของตนก็ไม่ค่อยมีความสุขมากนัก เนื่องจากหลังจากที่คลอดออกมาตนได้ไปอยู่กับปู่ และย่าที่เลี้ยงมาเกือบ 20 ปี จะได้พบพ่อบ้างเป็นบางครั้ง ถึงแม้จะไม่มีความผูกพันมากนัก แต่รู้สึกเสียใจต่อการจากไปของพ่อ ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ในส่วนตัวไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร จะเป็นเรื่องในครอบครัวหรือไม่ก็ไม่รู้ เพราะปู่กับพ่อก็มีความสนิทกันดี ซึ่งก็ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับคนร้ายมาดำเนินคดี
พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า คดีนี้คงต้องใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนมากขึ้น เนื่องจากเท่าที่ทราบว่า ผู้ตายมีภรรยาหลายคน รวมไปถึงพ่อของผู้ตายก็มีภรรยาหลายคน ส่วนประเด็นสำคัญยังให้น้ำหนักไปที่เรื่องชู้สาว และผลประโยชน์จากการขายที่ดิน
ด้านแหล่งข่าวกล่าวว่า ปมการอุ้มฆ่าครั้งนี้อาจเป็นเรื่องค่านายหน้าที่ดิน เนื่องจากในวันที่มีการทำธุรกรรมเกี่ยวกับที่ดิน นายภาสพล ผู้ตายได้เดินทางไปด้วย ระหว่างนั้นก็มีปากเสียงกันภายในครอบครัว และญาติได้พาไปสงบสติอารมณ์ที่บ้าน จนเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2559 ได้มีคนสนิทมารับตัวออกไปซึ่งอาจจะเป็นการตามทวงหนี้สินที่อาจติดค้างเป็นหนี้นอกระบบ เมื่อไม่มีใช้คืนจึงอาจจะนำมาอุ้มฆ่าก็เป็นไปได้
ขณะที่อีกด้านหนึ่งของแหล่งข่าว เปิดเผยว่า ประเด็นในเรื่องชู้สาวก็เป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากผู้ตายมีภรรยาหลายคน และเป็นคนมีอุปนิสัยใจร้อน มักลงมือทำร้ายผู้หญิง และล่าสุด ภรรยาคนที่ 4 ที่เพิ่งเลิกกันไปก็ถูกกรีดหน้า จึงอาจจะเป็นความแค้น กับอีกประเด็นเรื่องชู้สาวที่เกิดขึ้นล่าสุด ที่ผู้ตายไปติดพันบุตรสาวของผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งทางภาคเหนือ จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการอุ้มขึ้นรถเพื่อมาตกลงกันให้เลิกรากัน แต่เมื่อไม่สำเร็จจึงถูกนำมายิงทิ้ง
สำหรับศพของ นายภาสพล รัตนตยาธิคุณ ญาติจะนำศพออกจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ในช่วงเย็นวันนี้ และจะเดินทางนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเทพลีลา รามคำแหง กทม.ต่อไป