หนองคาย - กองเชียร์ฟุตบอลไทย 25 คน ที่ถูกทางการลาวควบคุมตัวหลังเหตุการณ์ก่อความวุ่นวายในสนามนัดชิงชนะเลิศ ยู 19 เดินทางกลับประเทศแล้ว ผู้ว่าฯ หนองคาย ชี้แจงทำความเข้าใจกองเชียร์นาน 1 ชั่วโมง ก่อนปล่อยตัวกลับบ้าน ตัวแทนกองเชียร์ขอบคุณทุกฝ่ายช่วยให้ได้กลับบ้านปลอดภัย
วันนี้ (5 ก.ย.) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมือง จ.หนองคาย คณะกองเชียร์ฟุตบอลไทย จำนวน 25 คน ได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยทางด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว หลังจากเกิดเหตุการณ์ชุลมุนระหว่างการเชียร์ฟุตบอล AFF U 19 นัดชิงชนะเลิศคู่ระหว่างทีมชาติไทย กับทีมชาติเวียดนาม ที่สนามกีฬาแห่งชาติลาว เมื่อเย็นวานนี้ และทางการลาวได้ควบคุมตัวกองเชียร์ทั้ง 25 คน ไว้ที่ตรวจคนเข้าเมืองวัดไต นครหลวงเวียงจันทน์ เป็นเวลา 1 คืน
สถานทูตไทยได้ประสานเจรจากับทางการลาว จนอนุญาตให้คณะกองเชียร์ฟุตบอลกลุ่มนี้เดินทางกลับประเทศไทยได้ เมื่อได้รับการอนุญาตแล้ว พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ แสงเดือน รอง ผกก.ตม.หนองคาย และ ร.ต.ท.กฤตพล เกษตรสุนทร รอง สว.ตม.หนองคาย ได้นำรถยนต์ของตรวจคนเข้าเมืองไปรับคณะกองเชียร์ทั้งหมดที่ด่านสะพานมิตรภาพฝั่งลาว เดินทางกลับฝั่งไทย
หลังจากนั้น นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผบก.ตม.4 พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ จำรัสประเสริฐ รอง ผบก.ภ.จ.หนองคาย พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.หนองคาย ได้อบรมชี้แจงทำความเข้าใจต่อกลุ่มกองเชียร์นาน 1 ชั่วโมง พร้อมจัดหาข้าวกล่องให้แก่บรรดากองเชียร์ทุกคน เนื่องจากยังไม่ได้รับประทานอาหารตั้งแต่เย็นวานที่ผ่านมาแล้ว เมื่อรับประทานเสร็จ ผู้ว่าฯ ได้ให้ทุกคนเดินทางกลับบ้าน
ทั้งนี้ กองเชียร์ทั้ง 25 คนนี้ ต่างคนต่างอยู่คนละจังหวัด ส่วนใหญ่เป็นกองเชียร์จากกรุงเทพฯ ซึ่งส่วนหนึ่งขนอุปกรณ์การเชียร์ กลอง ธง ต่างๆ เดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวที่จอดไว้ที่จุดรับฝากรถหน้าด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ส่วนหนึ่งโดยสารเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงยังสนามบินวัดไต ประเทศลาว หลังจากได้กลับบ้านก็จะนั่งรถโดยสารจาก จ.หนองคาย ไปขึ้นเครื่องบินที่ จ.อุดรธานี กลับกรุงเทพฯ
นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวภายหลังได้พูดคุยกับกองเชียร์แล้วว่า ทางการไทยได้ประสานความร่วมมือกับทางการลาวตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งการพูดคุยกับกองเชียร์ว่าสิ่งที่เชียร์กีฬาต้องเชียร์อย่างสุภาพ ต้องปฏิบัติตามกติกาสากล การจะเดินทางไปประเทศใดต้องศึกษากฎระเบียบของประเทศนั้น และต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
กองเชียร์ไทยทั้ง 25 คน รับปากว่าจะศึกษากฎระเบียบของประเทศ ศึกษากติกาสากล ซึ่งตนคิดว่ากองเชียร์ทุกคนต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ประเทศนั้นห้าม ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะไทยกับลาวมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกัน ทั้งระดับผู้บริหารระดับสูง และระดับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ มั่นใจได้ว่าทุกอย่างยังคงเป็นปกติ ความสัมพันธ์ไทย ลาว การค้าขาย ผู้คนยังไปมาหาสู่กันตามปกติ
ด้าน นายณัฐวุฒิ ไชยขันธุ์ ตัวแทนกองเชียร์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทางสถานทูตทั้งไทย และลาว รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่าย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น และหวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นบทเรียนให้แก่น้องๆ ที่ไปด้วยกัน หรือจากหลายคนที่มาเจอกัน รวมถึงแฟนบอลที่จะตามไปเชียร์ยังต่างประเทศ เมื่อเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ศึกษาข้อมูลประเทศนั้นก่อนเป็นสำคัญ ยืนยันว่าจะระมัดระวังในการเดินทางไปเชียร์ฟุตบอลในต่างประเทศมากขึ้น
ขณะที่ พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผบก.ตม.4 กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้หากมีการจัดการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ในประเทศเพื่อนบ้าน คงต้องขอความร่วมมือกับแฟนกีฬาที่จะติดตามไปเชียร์ให้ช่วยกันเป็นกองเชียร์ที่ดี ไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ คงต้องตรวจสิ่งของต้องห้าม ทั้งพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ สิ่งของอุปกรณ์เชียร์ที่อาจจะก่อให้เกิดการยั่วยุ อย่านำเข้าไป
