xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องยาว! เถ้าแก่โรงสีใหญ่ตั้งโต๊ะแจงยิบ หลังเจอข้อหายักยอก-ไม่ส่งข้าวคืน อคส.กว่า 4 หมื่นตัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กำแพงเพชร - เถ้าแก่โรงสีสิงห์โตทองไรซ์ฯ เปิดโต๊ะแจงละเอียดยิบ หลัง อคส.แจ้งความฐานยักยอกทรัพย์ของหลวง-ไม่ส่งคืนข้าวในโครงการรับจ้างปรับปรุงบรรจุถุงอีกกว่า 4 หมื่นตัน ยันทำตามสัญญาทุกกระเบียดนิ้ว หักข้าวเป็นค่าจ้างตามจำนวน

นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ชี้แจงหลัง อคส.ออกมาระบุว่ามีบริษัทคู่สัญญาปรับปรุงข้าวถุง 3 รายยังไม่คืนข้าวที่เบิกไป ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ บริษัท สิงห์โตทองไรซ์ฯ ยังไม่ส่งคืนข้าวอีกกว่า 4 หมื่นตัน และถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ว่า ตามที่บริษัทฯ ได้รับการอนุมัติให้ทำสัญญารับจ้างปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุงกับ อคส. และได้ดำเนินการเบิกข้าวสารนำมาปรับปรุงบรรจุถุงตามสัญญาว่าจ้าง

ต่อมาได้มีหนังสือจาก อคส.ให้หยุดดำเนินการปรับปรุงบรรจุถุงในข้าวสารส่วนที่เหลือทั้งหมด และส่งมอบข้าวสารที่เหลือจากการบรรจุถุงคืนให้ อคส. โดยทาง อคส.ได้ยินยอมให้ทางบริษัทฯ หักลบค่าจ้างปรับปรุงข้าวสารในส่วนที่เหลือต้องนำส่งคืนให้ อคส.

นายมนต์ชัยบอกว่า ทางบริษัทฯ ได้ส่งมอบข้าวสารที่เหลือจากการบรรจุถุงคืนให้ อคส.ครบถ้วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามหนังสือแจ้งยืนยันยอดส่งมอบคืนข้าวสารจากบริษัทฯ ไปยัง อคส. ลงวันที่ 3 กันยายน 2557 ซึ่งระบุว่า บริษัทได้เบิกข้าวสารนำมาปรับปรุงบรรจุถุงทั้งสิ้นจำนวน 475,713 ตัน ได้ทำการผลิตปรับปรุงบรรจุถุงส่งมอบให้แก่ผู้แทนจำหน่ายของ อคส.ตามคำสั่งไปเรียบร้อยแล้ว 221,513 ตัน หักเป็นค่าจ้างในการปรับปรุงและบรรจุถุงจำนวน 43,567 ตัน ตามสิทธิที่จะได้รับค่าจ้างในการปรับปรุงและบรรจุถุง ตามจำนวนที่บริษัทฯ ได้รับจ้างตามข้อตกลงในสัญญาฯ โดยชอบตามกฎหมาย

และได้นำข้าวสารที่เหลือส่งคืนให้ทาง อคส.จำนวน 160,543 ตัน ตามหนังสือของ อคส.ที่แจ้งมาให้ส่งข้าวสาร หลังคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวได้มีมติเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2556 ให้ อคส.ยุติดำเนินการจัดทำข้าวสารบรรจุถุงในส่วนที่เหลือทั้งหมด พร้อมระบุด้วยว่า ทาง อคส.ยินยอมจ่ายค่าจ้างให้ทางบริษัทฯ โดยจะคำนวณแล้วแจ้งให้ทราบเพื่อหักลบกับข้าวสารส่วนที่เหลือ

ส่วนกรณีที่บริษัทถูกแจ้งความร่วมกับธนาคารข้อหาลักทรัพย์ ระบุอดีตรองผู้อำนวยการ อคส.ได้นำหนังสือสัญญาหลักทรัพย์ค้ำประกันออกจากตู้นิรภัยของ อคส.โดยไม่ถูกต้อง ส่งผลให้ธนาคารมีการเคลียร์เงินค้ำประกันสัญญาจ้างปรับปรุงข้าว โดยที่ไม่ถามกลับมายัง อคส.นั้น

นายมนต์ชัยชี้แจงว่า ในข้อเท็จจริงก่อนหน้านี้บริษัทได้มีหนังสือที่ STTขถ.12/2556 ลว.12 กุมภาพันธ์ 2556 เรื่องขอคืนหลักประกันสัญญา ที่พ้นภาระผูกพันสัญญาจ้างปรับปรุงข้าวถุง ถึงผู้อำนวยการ อคส. โดยอ้างถึงหนังสือสัญญารับจ้างปรับปรุงบรรจุถุง และหนังสือค้ำประกันธนาคารฯ 8 ฉบับ เป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 75.562 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทฯ มีหนังสือแจ้งเพื่อขอรับ L/G คืน เจ้าหน้าที่ของ อคส.ได้มีโทรศัพท์แจ้งให้บริษัทฯ เข้าไปรับ L/G คืนจาก อคส. ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบเนื่องกันมาโดยตลอดระหว่าง อคส. กับคู่สัญญาทุกราย

“บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้รับคืน L/G มาโดยถูกต้องชอบธรรมตามกฎหมาย ตามที่ระบุไว้ตามสัญญาระหว่างบริษัทฯ กับ อคส.”

ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ อคส.ได้แจ้งให้บริษัทฯ ทราบทางโทรศัพท์ว่ามีการอนุมัติให้คืนหลักประกันดังกล่าว และได้ส่งต้นฉบับหนังสือหลักประกันคืนให้แก่บริษัทฯ โดยเจ้าหน้าที่ อคส.ได้ถ่ายสำเนาต้นฉบับหนังสือค้ำประกันและให้พนักงานของบริษัทฯ ลงชื่อรับต้นฉบับหนังสือสัญญาค้ำประกันที่ได้รับคืนจาก อคส. ซึ่งระยะเวลาได้ล่วงเลยมากว่า 2 ปี ต่อมาบริษัทฯ ได้ทราบจากข่าวหนังสือพิมพ์ว่ามีการแจ้งความดำเนินคดีในเรื่องดังกล่าว

อย่างรก็ตาม ณ ปัจจุบันบริษัทฯ ยังไม่ได้รับแจ้งจากทาง อคส.ในเรื่องดังกล่าว ซึ่งหากมีการแจ้งความดำเนินคดีจริง บริษัทฯ มีความจำเป็นที่จะต้องรักษาสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมาย ที่ทำให้บริษัทฯ และผู้บริหารของบริษัทฯ ต้องได้รับความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อไป

นายมนต์ชัยย้ำว่า บริษัทฯ ได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า เรื่องขอคืนหลักประกันสัญญารับจ้างปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุงฯ ไปถึง 3 ครั้ง คือหนังสือลงวันที่ 1 ตุลาคม 2557, 24 ตุลาคม 2557 และ 24 พฤศจิกายน 2557

โดยระบุว่า ตามสัญญาฯ ที่อ้างถึง บริษัทฯ ได้ผลิตปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุงให้กับ อคส. และได้ดำเนินการส่งมอบข้าวสารบรรจุถุงให้ผู้รับมอบตามที่ อคส.กำหนดเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย จึงพ้นภาระผูกพันตามสัญญารับจ้างฯ บริษัทฯ จึงใคร่ขอคืนหลักประกันสัญญาฯ ดังกล่าว รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 379,133,500 บาทถ้วน แต่ได้รับการเพิกเฉย ทำให้ทางบริษัทฯ ต้องแบกค่าธรรมเนียมของหนังสือค้ำประกันธนาคารฯ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึงปีละเกือบ 10 ล้านบาท

นายมนต์ชัยกล่าวอีกว่า ในส่วนของโครงการฯ นี้จะมีการทุจริตหรือไม่อย่างไรนั้น ทางบริษัทฯ เป็นเพียงคู่สัญญาผู้รับจ้างในการปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุงให้กับ อคส.เท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดจำหน่ายใดๆ ทั้งสิ้น จากหลักฐานทั้งหมดที่พร้อมจะแสดงด้วยความสุจริตในการถูกแจ้งว่ายักยอกทรัพย์ของหลวงได้อย่างไร

ส่วนค่าใช้จ่ายในการนำข้าวสารจำนวน 160,543 ตันที่เหลือส่งมอบคืนให้แก่ อคส.ในส่วนที่เบิกมาสำรองเพื่อทำการปรับปรุงบรรจุถุงจำนวน 475,713 ตันนั้น ทาง อคส.ยังไม่ได้พิจารณาค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่สัญญาฯ คือทางบริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่ได้นำข้าวสารส่วนที่เหลือจากการปรับปรุงส่งมอบคืนให้ อคส.ครบถ้วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีมูลค่าของค่าใช้จ่ายในครั้งนี้สูงถึง 100 กว่าล้านบาทอีกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น