ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “เจ๊หน่อย” ยันไม่ตั้งพรรคการเมืองใหม่ เหตุยังอยู่ในซากเน่า 111 ทรท.อ้างหากไม่สร้างความปรองดองแห่งชาติ เลือกตั้งใหม่แตกแยกเหมือนเดิม ชี้ ปรองดองต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย อย่า 2 มาตรฐาน และรับฟังความคิดเห็นแตกต่างอย่างเข้าใจ ยันพ่ออายุมากยังเหนียวแน่นกับ “เผาไทย” ไม่ย้ายไปไหน
วันนี้ (7 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ศูนย์โรคมะเร็ง โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ 1 ใน 111 คณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ จ.นครราชสีมา ถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ โดยเฉพาะที่มีกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองกลุ่มใหม่ ว่า ข้อเท็จจริงตนยังเป็นคนอยู่ในบ้านเลขที่ 111 อยู่ เหลือเวลา 1-2 ปี ถึงจะสามารถทำอะไรทางการเมืองได้
ดังนั้น ที่ออกไปทุกวันนี้ออกมาทำงานสังคมช่วยเหลือประชาชนในนามของมูลนิธิไทยพึ่งไทย ที่ออกมาช่วยสังคมไม่ได้มีการเมือง เพียงแต่ว่าคนที่เคยทำงานให้ส่วนรวมแล้ววันหนึ่งต้องมาอยู่เฉย อะไรที่เราช่วยได้ก็ถือว่าช่วยให้กับประชาชน ถือว่าช่วยรัฐบาลอีกทางหนึ่งด้วยซ้ำไป อย่างเรื่องบ้านสำหรับผู้ประสบเคราะห์กรรมน้ำท่วมแล้วรัฐบาลช่วยไม่ทัน เราไปช่วยก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ไปช่วยประชาชนแทนรัฐบาลด้วยซ้ำไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองพรรคฝ่ายค้านการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล อย่างไรบ้าง คุณหญิง สุดารัตน์ ตอบว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลสมัยนี้ ก็อยากให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านได้เอาข้อมูลข้อเท็จจริงมาอภิปรายและมาชี้แจง เพื่อประชาชนจะได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะขณะนี้ปัญหาที่ประชาชนลำบากมากที่สุด คือ เรื่องข้าวยากหมากแพง ซึ่งตั้งแต่ต้นปีมานี้เกิดการบริหารงานผิดพลาด และข้าวยากหมายแพงทำให้เกิดผลกระทบต่อส่วนรวมมาก
ดังนั้น ควรจะใช้เวทีสภาในการตรวจสอบต้นเหตุที่เกิดการผิดพลาด จนทำให้ข้าวยากหมากแพง ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อน และประเด็นที่สอง ปัญหาทุจริตต่างๆ ก็ต้องถือโอกาสในสภาในการตรวจ แล้วเคลียร์กันว่าข้อเท็จจริงคืออะไร แต่ทั้งหมดต้องขอให้อยู่บนพื้นฐานของความมีคุณธรรม เอาเรื่องจริงมาชี้แจง เอาเรื่องจริงไปตรวจสอบ จะเกิดความสร้างสรรค์และประชาชนจะได้ประโยชน์
สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใหม่ ที่จะมาถึงจะทำให้การเมืองดีขึ้นหรือไม่ นั้น ส่วนตัวคิดว่าถ้าไม่นับหนึ่งจริงๆ กับขบวนการสร้างความปรองดองแห่งชาติ เลือกตั้งไปแล้วก็อาจเหมือนเดิม ซึ่งตอนนี้ยังเป็นความแตกแยกที่เห็นได้ชัด เพราะมีแต่คนพูดแต่ไม่มีใครทำจริง ฉะนั้นเรื่องขบวนการปรองดองแห่งชาติถ้าทำได้จริงประชาชนจะได้รับประโยชน์ ไม่เช่นนั้นเลือกตั้งไปก็เหมือนเดิม ส่วนการยุบสภาเป็นเรื่องของรัฐบาลที่มีอำนาจยุบสภาได้ตลอด เห็นบอกว่าจะยุบ จะยุบ ก็ยังไม่ทราบว่าเมื่อไหร่
คุณหญิง สุดารัตน์ กล่าวถึงการสร้างความปรองดอง ว่า การสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นคือการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย การที่เราจะยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างเข้าใจ และอย่างมีเหตุผลแล้วกำจัดสิ่งที่เรียกว่า สองมาตรฐานต่างๆ ออกไป ใครทำผิดในกรณีไหน ใครทำผิดในเรื่องใดก็ลงโทษ อย่างกรณี 91 ศพต่อการปราบปรามผู้ชุมนุมก็ต้องมีผู้รับผิด ไม่ใช่ปล่อยอย่างนี้แล้วมันก็เลยกลายเป็นว่า นายกรัฐมนตรีก็ไปไหนไม่ได้ คนจะมาเรียกร้องทวงถามความเป็นธรรม
ฉะนั้น ถ้ามีการใช้กฎหมายให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ใครกระทำผิดต่อส่วนรวม ต่อบ้านเมือง ต่อประชาชน ต้องนำมาลงโทษ และสร้างขบวนการที่จะรับฟังปัญหาซึ่งกันและกันอย่างเข้าใจและอย่างมีคุณธรรม ไม่ใช่ว่าคนกลุ่มนี้ไม่ใช่กลุ่มคนที่เป็นพวกเรา เราก็จะต้องมองเป็นศัตรูไปตลอด คือ ต้องใช้หลักของพระพุทธเจ้า ของพุทธศาสนาเข้ามาบ้าง ในการเข้าใจรับฟัง และแก้ไขปัญหาบนเหตุผล
ตอบข้อถามถึง ช่วงนี้มีการย้ายพรรคของ ส.ส.มากในส่วนของ นายสมพล เกยุราพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคเพี่อไทย ซึ่งเป็นบิดานั้น จะยังอยู่กับพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิมหรือไม่นั้น คุญหญิง สุดารัตน์ ตอบว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกับคุณพ่อเลย อย่างแรกคุณพ่อจะลงสมัครต่อหรือไม่ ยังไม่ทราบ และคุณพ่อท่านก็อายุมากแล้ว คงไม่เหมือนกับคนอายุน้อยกว่าที่จะย้ายไปโน้นย้ายไปนี่ได้เร็ว ซึ่งก็ไม่ได้มีเหตุอะไรที่จะย้าย ตนคิดว่า ถ้าคุณพ่อจะลงสมัครต่อท่านก็คงอาจอยู่ที่เดิม