ครอบครัว “ส.อ.” เหยื่อโจรใต้เศร้าแต่ภูมิใจพลีชีพเพื่อชาติ

อุดรธานี - พ่อทหารกล้า ”ส.อ.จักรพงษ์” ที่สละชีพเพื่อชาติถูกโจรใต้สังหารโหด เผยบุตรชายฝันเป็นนายทหารแต่เด็ก พร้อมเคยลั่นไม่หวั่นหากตายเพื่อชาติขณะปฏิบัติหน้าที่ ยอมรับโกรธแค้นโจรใจมารที่โหดเหี้ยมเกินมนุษย์ แต่ภูมิใจที่บุตรชายพลีชีพเพื่อชาติ

เรืออากาศตรี ประพนธ์ โพนเงิน อายุ 63 ปี อดีตนายทหารเชี่ยวชาญเรดาร์ กรมควบคุมปฏิบัติการทางอากาศอุดรธานี บิดาของ ส.อ.จักรพงษ์ โพนเงิน นายสิบเสนารักษ์ สังกัดกรมทหารพรานที่ 44 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ที่ถูกผู้ก่อการร้ายยิงเสียชีวิต และเผาอย่างโหดเหี้ยม ขณะออกหาข่าวพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา กล่าวว่า ส.อ.จักรพงษ์ เป็นบุตรชายคนโต มีน้องสองคน คือ น.ส.อนัญญา อายุ 35 ปี และนายจักรพันธ์ อายุ 33 ปี ทุกคนมีงานทำกันหมดแล้ว

ตอนเด็กๆ ก็ย้ายตามพ่อไปเรื่อย จนปี 2524 จึงมาประจำอยู่ที่ จ.อุดรธานี บุตรชายมีความใฝ่ฝันอย่างเป็นทหาร ทั้งที่ครอบครัวไม่ได้สนับสนุนเท่าใดนัก หลังจากจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ ร.ร.ประจักรศิลปาคาร ก็ไปสอบเข้าโรงเรียนนายสิบ สมัครไว้ทุกเหล่าแต่เลือกสอบกองทัพบก ปีแรกสอบไม่ได้ก็ไปหาทำงาน มาสอบครั้งที่สองก็ติดสมใจ

เรืออากาศตรี ประพนธ์ เล่าว่า หลังบุตรชายเรียนจบเสนารักษ์ ปี 2534 ไปรับราชการที่ค่ายเทพสตรี จ.นครศรีธรรมราช อยู่ที่นั่นตลอดมาจนเป็นครูฝึก จะกลับมาเยี่ยมบ้านปีละครั้ง หรือโทรศัพท์มาคุยบ่อยๆ ประมาณ 8-9 เดือนก่อน โทร.มาบอกว่าจะย้ายไปอยู่ทหารพราน แม่ก็ถามว่ามันอันตรายจะไปทำไม เขาตอบกลับมาว่า ตายเพื่อชาติไม่กลัว ถ้าตายไปพ่อแม่ก็สบาย

โดยทุกคนก็ไม่ได้ห้าม เพราะเราคือครอบครัวทหาร ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ยังไม่กลับมาบ้านเลย และ 2 สัปดาห์ก่อน โทร.มาบอกว่าทำประกันชีวิติให้พ่อกับแม่ แล้วบอกให้น้องดูค่าเครื่องบินกลับบ้านให้ด้วย ซึ่งลูกตั้งใจจะบินกลับมาเยี่ยมบ้านจริงๆ

เรืออากาศตรี ประพนธ์ กล่าวถึงการจากไปของลูกครั้งนี้ ว่า มีทั้งความภาคภูมิใจ ที่ลูกได้ทำหน้าที่สำคัญเพื่อชาติ ตามที่เขาเองได้ตั้งใจเอาไว้ และรู้สึกเสียใจกับการเสียชีวิต และยังเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมเกินกว่าการกระทำของคน ในสงครามยิงกันตายก็จบแล้ว แต่ยิงกันตายและยังมายิงซ้ำ แล้วยังมาจุดไฟเผาอีก เมื่อคิดเรื่องนี้ยอมรับว่าโกรธมาก คิดไปถึงอยากลงโทษคนทำด้วยตนเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับศพ ส.อ.จักรพงษ์ จะมีกำหนดการพระราชทานเพลิงศพ ในวันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายนนี้ เวลา 16.00 น.ที่วัดโยธานิมิตร อ.เมือง จ.อุดรธานี