ตาก - แอร์เอเชีย เตรียมบริการเส้นทางกทม.-แม่สอด จ.ตาก แทนภูเก็ตแอร์ ที่หยุดให้บริการกว่า 1 ปี หลังเครื่องประสบอุบัติเหตุสไลด์ออกนอกรันเวย์ และถูกยกเลิกสัมปทาน ผู้ว่าฯตาก ฟุ้งโปรโมตตาก เป็นประตูสู่อันดามัน ทุ่ม 4 แสนต่อเดือน ติดคัตเอาต์ที่สุวรรณภูมิ หวังดึงนักท่องเที่ยวเข้าตาก พร้อมดันรัฐบาลขยายรันเวย์ รับโบอิง 737 ก่อนสานนโยบายเชื่อมทางบิน กทม.-แม่สอด-ย่างกุ้ง
นายชุมพร พลรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ประชุมหารือกับ ผู้บริหารของสายการบินแอร์เอเชีย เรื่องเปิดบริการบินเส้นทาง กทม.-แม่สอด ทดแทนสายการบินภูเก็ตแอร์ เคยได้รับสัมปทานให้บริการบินตามเส้นทางนี้ แต่ได้ถูกยกเลิกไปหลังจาก เครื่องบินโดยสาร YS11 สไลด์ออกนอกรันเวย์ ขณะนำผู้โดยสาร 28 คน จาก กทม.ไปลงที่ท่าอากาศยานแม่สอด จ.ตาก เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 กันยายน 2548 ตัวเครื่องได้รับความเสียหาย ส่วนผู้โดยสาร และพนักงานบนเครื่องปลอดภัย
อุบัติเหตุดังกล่าว ทำให้กรมการขนส่งทางอากาศ ได้ยกเลิกสัมปทานของสายการบินภูเก็ตแอร์ ด้วยเหตุผลมาตรฐานการบริการต่ำ และไม่มีบริษัทใดให้บริการตามเส้นทางบินสายนั้นอีก
นายชุมพร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา มีผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 100 โรงงาน เจ้าหน้าที่รัฐ เอ็นจีโอ และนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างประเทศ จำนวนมาก ที่ต้องเดินทางไปแม่สอด ได้เรียกร้องเปิดบริการบินตามเส้นทางสายนี้อีก แต่ยังไม่มีบริษัทใดเข้าไปดำเนินการ ทำให้ต้องใช้บริการบินเส้นทาง กทม.-พิษณุโลก หรือ กทม.-สุโขทัย จากนั้นนั่งรถยนต์ไปแม่สอด ขากลับก็ต้องนั่งรถยนต์จากแม่สอด ไปยังท่าอากาศยานทั้งสอง ทำให้ผู้ใช้บริการไม่สะดวก และต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงได้หารือสายการบินแอร์เอเชีย ให้มาเปิดบริการเส้นทางนี้
ทั้งนี้ ผู้บริหารของสายการบินแอร์เอเชีย ยืนยันถึงความเป็นไปได้ที่จะมาเปิดให้บริการเส้นทางนี้ เพราะจากข้อมูล ทั้งตัวเลขผู้โดยสาร แหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว และความเป็นเมืองที่กำลังจะพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นปัจจัยคุ้มทุน คาดว่า จะสามารถเปิดการบินได้ไม่เกินเดือนเมษายน ส่วนค่าโดยสารจะมีการพิจารณาให้เหมาะสม อาจไม่เกินเที่ยวละ 1,800 บาท เพราะเป็นแบบต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) จากเดิมเที่ยวละ 2,700 ถ้าไป-กลับ 5,200 บาท
อย่างไรก็ตาม นายชุมพร ยืนยันว่า จะผลักดันโครงการขยายทางวิ่งที่ท่าอากาศยานแม่สอด เพื่อให้โบอิง 737 ลงได้ ซึ่งกรมการขนส่งทางอากาศเคยศึกษาเสร็จแล้ว โดยจะก่อสร้างทางวิ่งเพิ่มเติมเป็น 2,100 เมตร จาก 1,500 เมตร ในปัจจุบัน เพื่อรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ในอนาคต เพื่อเตรียมรองรับแผนเชื่อมเส้นทางบินกับพม่าที่ เมาะละแหม่ง และย่างกุ้ง ในอนาคต ซึ่งจะมีการบินตามเส้นทาง กทม.-ตาก-แม่สอด- เมาะละแหม่ง- ย่างกุ้ง แล้วบินกลับตามเส้นทางเดิม
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว และการลงทุนในตาก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และนักลงทุน ทั้งใน-ต่างประเทศ ให้ไปท่องเที่ยว และลงทุนที่ตาก โดยเฉพาะที่ชายแดนแม่สอด ซึ่งจะเป็นประตู เปิดสู่พม่า-ฝั่งอันดามัน-เอเชียใต้ และยุโรป ตามแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายแดนแม่สอด
กิจกรรมหนึ่งของการรณรงค์ ทำคัตเอาต์ขนาด 50 X 80 เมตร ติดที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อโชว์ของดีเมืองตาก โดยจ่ายค่าเช่าเดือนละ 400,000 บาท จะเริ่มตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 นี้ ซึ่งจะมีชาวไทย และต่างประเทศวันละหลายหมื่นคนได้เห็นคัตเอาต์นี้
นายชุมพร พลรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ประชุมหารือกับ ผู้บริหารของสายการบินแอร์เอเชีย เรื่องเปิดบริการบินเส้นทาง กทม.-แม่สอด ทดแทนสายการบินภูเก็ตแอร์ เคยได้รับสัมปทานให้บริการบินตามเส้นทางนี้ แต่ได้ถูกยกเลิกไปหลังจาก เครื่องบินโดยสาร YS11 สไลด์ออกนอกรันเวย์ ขณะนำผู้โดยสาร 28 คน จาก กทม.ไปลงที่ท่าอากาศยานแม่สอด จ.ตาก เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 กันยายน 2548 ตัวเครื่องได้รับความเสียหาย ส่วนผู้โดยสาร และพนักงานบนเครื่องปลอดภัย
อุบัติเหตุดังกล่าว ทำให้กรมการขนส่งทางอากาศ ได้ยกเลิกสัมปทานของสายการบินภูเก็ตแอร์ ด้วยเหตุผลมาตรฐานการบริการต่ำ และไม่มีบริษัทใดให้บริการตามเส้นทางบินสายนั้นอีก
นายชุมพร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา มีผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 100 โรงงาน เจ้าหน้าที่รัฐ เอ็นจีโอ และนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างประเทศ จำนวนมาก ที่ต้องเดินทางไปแม่สอด ได้เรียกร้องเปิดบริการบินตามเส้นทางสายนี้อีก แต่ยังไม่มีบริษัทใดเข้าไปดำเนินการ ทำให้ต้องใช้บริการบินเส้นทาง กทม.-พิษณุโลก หรือ กทม.-สุโขทัย จากนั้นนั่งรถยนต์ไปแม่สอด ขากลับก็ต้องนั่งรถยนต์จากแม่สอด ไปยังท่าอากาศยานทั้งสอง ทำให้ผู้ใช้บริการไม่สะดวก และต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงได้หารือสายการบินแอร์เอเชีย ให้มาเปิดบริการเส้นทางนี้
ทั้งนี้ ผู้บริหารของสายการบินแอร์เอเชีย ยืนยันถึงความเป็นไปได้ที่จะมาเปิดให้บริการเส้นทางนี้ เพราะจากข้อมูล ทั้งตัวเลขผู้โดยสาร แหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว และความเป็นเมืองที่กำลังจะพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นปัจจัยคุ้มทุน คาดว่า จะสามารถเปิดการบินได้ไม่เกินเดือนเมษายน ส่วนค่าโดยสารจะมีการพิจารณาให้เหมาะสม อาจไม่เกินเที่ยวละ 1,800 บาท เพราะเป็นแบบต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) จากเดิมเที่ยวละ 2,700 ถ้าไป-กลับ 5,200 บาท
อย่างไรก็ตาม นายชุมพร ยืนยันว่า จะผลักดันโครงการขยายทางวิ่งที่ท่าอากาศยานแม่สอด เพื่อให้โบอิง 737 ลงได้ ซึ่งกรมการขนส่งทางอากาศเคยศึกษาเสร็จแล้ว โดยจะก่อสร้างทางวิ่งเพิ่มเติมเป็น 2,100 เมตร จาก 1,500 เมตร ในปัจจุบัน เพื่อรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ในอนาคต เพื่อเตรียมรองรับแผนเชื่อมเส้นทางบินกับพม่าที่ เมาะละแหม่ง และย่างกุ้ง ในอนาคต ซึ่งจะมีการบินตามเส้นทาง กทม.-ตาก-แม่สอด- เมาะละแหม่ง- ย่างกุ้ง แล้วบินกลับตามเส้นทางเดิม
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว และการลงทุนในตาก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และนักลงทุน ทั้งใน-ต่างประเทศ ให้ไปท่องเที่ยว และลงทุนที่ตาก โดยเฉพาะที่ชายแดนแม่สอด ซึ่งจะเป็นประตู เปิดสู่พม่า-ฝั่งอันดามัน-เอเชียใต้ และยุโรป ตามแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายแดนแม่สอด
กิจกรรมหนึ่งของการรณรงค์ ทำคัตเอาต์ขนาด 50 X 80 เมตร ติดที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อโชว์ของดีเมืองตาก โดยจ่ายค่าเช่าเดือนละ 400,000 บาท จะเริ่มตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 นี้ ซึ่งจะมีชาวไทย และต่างประเทศวันละหลายหมื่นคนได้เห็นคัตเอาต์นี้