xs
xsm
sm
md
lg

สิ้นหวัง..ขายบ้านหนีโจร!! "โดนงัดถี่-หาคนร้ายไม่ได้-สูญเงินจนหมดตัว"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทนไม่ไหว!! เขาคือผู้โชคร้ายที่ซื้อที่ดินหวังปลูกบ้าน ใช้ในบั้นปลายชีวิต แต่กลับโดนโจรงัดบ้าน 4 ครั้งในรอบ 3 ปี ไม่เหลือแม้กระทั่งครีมทาหน้า แถมย่องเบาตอนกลางวัน ตำรวจหาคนร้ายไม่ได้ เสียหายกว่า 5 หมื่นบาท ขึ้นป้ายประกาศชัดขายบ้านหนี เพราะสิ้นหวังกับโจรตัวดีนี้แล้ว




ถูกย่องเบาไม่เหลือแม้กระทั่ง “ครีมทาหน้า”


“มันทนไม่ไหว ผมไปทำงานแล้วรู้สึกว่าต้องกังวลอยู่ตลอด จะมีโจรไปที่บ้านอีกไหม คือมันต้องกังวัล เมื่อก่อนเราทำงานก็ปกติ ไม่มีอะไร ออกมาจากบ้านเราก็มีความสุข ตั้งใจทำงาน กลับไปบ้านพักผ่อน รู้สึกโอเค

แต่ตอนนี้ออกจากบ้านจะคิดว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกไหม ต้องคิดอยู่ตลอดทุกวัน มันไม่อยากให้มีเรื่องตรงนั้นมาอยู่ในสมอง เราเอาเวลานั้นไปทำงานดีกว่า”

สมศักดิ์ หวังสบ วัย 35 ปี เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ผ่านปลายสาย ถึงสาเหตุตัดสินใจประกาศขายบ้าน พร้อมที่ดินหนีปัญหาด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง หลังโดนขโมยขึ้นบ้านบ่อย ไปแจ้งความแต่ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ จนสังคมให้ความสนใจ และตั้งคำถามว่าขายบ้าน แถมโจรให้ใครล่ะจะซื้อ
 

“ผมไปซื้อที่ดินเพื่อจะสร้างบ้าน คิดว่ามันติดถนน มันยังไม่มีบ้านคน เราสามารถไปบุกเบิก ไปสร้างได้ ต่อไปจะเป็นหมู่บ้านจัดสรร วางแผนไว้เผื่อทำกิจการอะไรในอนาคต ก็เลยตัดสินใจซื้อที่ตรงนั้น”

ทั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ใน จ.กระบี่ ในรอบ 3 ปีเขาถูกคนร้ายงัดบ้านตอนกลางวันมาแล้ว 4 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดหนักที่สุด คนร้ายทุบกระจก และงัดลูกกรงหน้าต่างเข้ามาขโมยถังแก๊ส กระเป๋าเงิน นาฬิกาข้อมือ มูลค่าความเสียหายประมาณ 1 หมื่นบาท ครั้งนี้สุดจะทน ตัดสินใจขายบ้าน พร้อมที่ดินทิ้งทันที

“ผมประเมินจากครั้งแรก จนถึงครั้งสุดท้าย ผมเสียเงินไป 50,000 บาท โดนขโมยครั้งหนึ่ง ผมก็ซ่อมบ้านครั้งหนึ่ง มันก็เสียเงินไปเยอะ

เงินที่ลูกสะสมไว้ในกระปุกออมสิน โจรก็ขโมยไปหมด เงินที่ผมเอาไว้ทอนขายของก็ขโมยไปหมดเหมือนกัน แป้งทาหน้า ครีมทาหน้าก็เอาไปหมดเลยครับ

 

ครั้งที่ 4 หนักที่สุด คือโจรทุบกระจกหน้าต่างในครัว และยกของออกไปทางหน้าต่างไปตั้งหลังบ้าน แล้วงัดเหล็กดัดเข้าไปในบ้าน เพื่อไปเอาถังแก๊ส ไปรื้อของในบ้าน รื้อทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนอน ในบ้าน รื้อหมดเลย

ที่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งล่าสุด ประมาณ 10 กว่าวัน ประมาณวันที่ 10 กันยายน ตำรวจก็เอากระจกไปตรวจ DNA ไปหาลายนิ้วมือ แต่ผลก็ยังไม่ออก ผมก็พยายามติดต่อไปเรื่อยๆ แต่เขาก็ยังไม่ได้แจ้งผลกลับมาเลยครับ

ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนที่รู้ความเคลื่อนไหวของผม ถ้าคนข้างนอกผมว่าน่าจะไม่รู้ มันน่ามีสายข่าวรู้ความเคลื่อนไหวของเรา”




ทำเลดี เหมาะกับนักธุรกิจ !!

 

“มันไม่อยากอยู่แล้ว ผมตั้งใจขาย 100 เปอร์เซ็นต์ มันเกิดเรื่องแบบนี้ 2-3 ครั้งแรกผมโอเค ผมก็ปลอบใจตัวเองมันคงไม่มีครั้งที่ 4 แล้วนะ พอมันมีครั้งที่ 4 จาก 100 เปอร์เซ็นต์ มันแทบไม่เหลือเปอร์เซ็นต์ที่อยากอยู่เลย”

สำหรับบริเวณโดยรอบพื้นที่บ้านติดกับน้ำพุร้อนเค็ม ใกล้มัสยิดคลองแค ไม่มีสิ่งอันตราย รวมทั้งติดกับถนน เขาจึงได้ตัดสินใจมาปลูกบ้านและตั้งหลักปักฐาน เพราะในอนาคตอาจจะเป็นหมู่บ้านจัดสรร สามารถสร้างรายได้ให้แก่เขาได้

“เป็นบ้านหลังเดียว รั้วอยู่ติดถนน ข้างหลังบ้านเป็นพื้นที่โล่ง ข้างบ้านก็โล่งไม่มีต้นไม้ ไม่มีอะไรมาบดบัง คนที่ผ่านไปมาสามารถมองเห็นได้ตลอด มันเป็นหมู่บ้านสร้างเองทั่วไป ที่ดินที่ผมไปซื้อนั้น มันเป็นที่จัดสรร จัดเป็นล็อกๆ แบ่งเป็นซอยๆ ทำหมู่บ้านจัดสรรอย่างที่เขาวางอนาคตไว้

บ้านอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว ปลอดภัยถ้าอยู่บ้านตลอด หรือมีคนอยู่ที่บ้าน มันก็ไม่เกิดปัญหาอะไร ไม่ได้เป็นหมู่บ้านที่มีเหตุการณ์ร้ายแรง เราแค่ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน โจรมันก็ไปซุ่มเราอยู่"

แน่นอนว่าหลังจากที่เขาประกาศขายที่ดิน พร้อมบ้านหลังนี้ ในราคา 2 ล้านบาท ก็นำมาซึ่งการตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไร ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำๆ รวมทั้งหากแก้ปัญหา จับโจรที่บุกเข้าไปขโมยของเขาได้ จะยังขายบ้านหลังนี้ทิ้งอีกหรือไม่ เขายืนยันให้ฟังว่าจะขาย เพราะไม่อยากเป็นกังวัล และไม่มีความสุขกับสถานการณ์เดิมอีกแล้ว

“ถ้าบางคนอยากจะทำธุรกิจอะไร คือทำเลดี มันอยู่ใกล้น้ำพุร้อนเค็มครับ เหมาะกับคนที่จะไปสร้างสถานที่พักผ่อน ไปทำบ้านให้คนเช่า ถ้าเจ้าของบ้านอยู่ตลอด มันก็ไม่มีปัญหาอะไร อย่างน้อยมันก็อยู่ใกล้มัสยิด มันก็สะดวกในการไปบ่อน้ำพุร้อน แค่ 300 เมตร ก็ถึงแล้ว



ผมแก้ปัญหาทุกครั้ง ใส่เหล็กดัดรอบบ้าน มีประตูเหล็ก มีประตูไม้ ประตูอีก 2 ชั้น แต่โจรมันก็สามารถเข้าไปในบ้านได้อีก

ผมออกมาทำงานแล้วรู้สึกกังวล ที่บ้านมีลูก มีภรรยา อีกอย่างผมทำงานกลางคืนด้วย กว่าจะได้กลับไปบ้านก็ประมาณ 3 ทุ่ม ผมเป็นห่วงที่บ้าน ไปทำงานก็ไม่สนุก ไปไหนตอนกลางวันก็กังวล ผมรู้สึกไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ ถ้าไม่มีความปลอดภัยตรงนั้น”

โดยเขายังคงยืนยันว่าสถานที่ตรงนั้นไม่ได้เป็นอันตราย เหมาะแก่การทำธุรกิจ แต่ในฐานะคนที่ออกไปทำงาน และไม่มีใครอยู่บ้าน จึงเป็นช่องโหว่ของโจร เข้าไปก่อเหตุแบบเดิมซ้ำๆ หรืออาจจะเป็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่หละหลวม และไม่จริงจังเท่าที่ควร

“ผมคิดว่าเป็นเพราะเจ้าหน้าที่มากกว่า ถ้าเจ้าที่เอาจริงเอาจังตรงนี้ ผมว่าน่าจะมีความคืบหน้า เพราะว่าเขาก็ทำหน้าที่ตรงนั้นอยู่แล้ว เราเป็นชาวบ้านธรรมดา จะไปสืบสวนหรืออะไร เราก็ไม่มีอำนาจตรงนั้น”



ข่าวโดยทีมข่าว MGR Live




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **



กำลังโหลดความคิดเห็น