xs
xsm
sm
md
lg

เก็บเงินโปรยทาน-รับจ้างกวาดขยะ “ด.ช.ซากิ” เลี้ยงอา-ย่าป่วยพิการ!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
ครอบครัวไม่สมบูรณ์..แต่ไม่ยอมแพ้! ฮีโร่วัย 11 ขวบ “น้องซากิ-สุรเดช สามโพธิ์ศรี” เก็บเงินโปรยทาน “งานบวช-งานศพ” รับจ้าง “ซื้อของ-กวาดใบ้ไม้” หาเลี้ยงครอบครัว! ดูแลย่าป่วยหลายโรครุมเร้า “โรคปอด-หัวใจ-ความดัน” ทั้งอายังป่วยหนักด้วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง นักสู้ตัวจิ๋วเผยไม่ท้อใจกับชีวิตที่เป็นอยู่..ผมดีใจที่ได้ทำเพื่ออาและย่า!

เก็บเงินโปรยทาน..หาเลี้ยงครอบครัว

เมื่อทั้งย่าและอาสาวป่วยหนักมีปัญหาสุขภาพ แถมยังช่วยเหลือตัวเองได้ไม่เท่าที่ควร “น้องซากิ-สุรเดช สามโพธิ์ศรี” เด็กชายวัย 11 ขวบ ต้องอาศัยอยู่กับย่าทวดวัย 74 ปี ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับปอด-หัวใจ-ความดัน! ในบ้านเช่าเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่ อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์
คุณย่าผู้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องนอนติดเตียงมาแล้วกว่า 4 ปี ขณะที่อาสาว วัย 34 ปี ป่วยด้วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง(เอสแอลอี) และวัณโรคกระดูก ส่งผลอย่างหนักให้กระดูกเสื่อมและมีการเดินที่ไม่ปกติด้วยเช่นกัน น้องซากิ ซึ่งอยู่ในวัยเรียน จึงต้องขาดเรียนอยู่บ่อยครั้ง เพื่อมาดูแลคนที่บ้าน รวมถึงทำงานรับจ้างหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวอยู่เสมอ
“ทุกๆ วันตื่นมาผมต้องถูพื้น กวาดบ้าน ล้างจาน ดูแลย่ากับอา เอากระโถนฉี่ย่าไปเท คอยแช่ยาให้ย่า ส่วนวันหยุดก็ไปเก็บเหรียญโปรยทานที่งานบวชนาคครับ ได้ 50-60 บาท บางทีก็ได้ 100 บาท ทุกครั้งที่ได้เงินมาผมก็เอามาซื้อกับข้าวให้ย่ากับอาครับ”
อย่างที่เห็นว่า น้องซากิ คือกำลังหลักในการทำงานหารายได้เลี้ยงครอบครัว เด็กชายทำงานทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้ ทั้งรับจ้างไปซื้อของที่ตลาด รับจ้างทำความสะอาดบ้าน หรือหากวันไหนมีงานบวช-งานศพที่วัดใกล้บ้าน น้องซากิก็จะไปคอยเก็บเงินโปรยทาน

งมหอยกินกับข้าว
 
"ตอนที่มาเจอ น้องอดข้าวบ้าง ไม่ได้กินข้าว ถ้าเก็บตังค์หว่านทานตามงานบวช งานศพได้ เขาถึงจะมีเงินกินข้าว ทำงานอย่างอื่นก็มีบ้าง จากการสอบถามบริเวณรอบๆ บ้าน

เช่นการไปช่วยคุณยายหน้าบ้านกวาดใบไม้ ก็ได้ของกินเล็กๆ น้อยๆ หรือที่ร้านคุณยายเขาขายลูกชิ้น ก็จะแบ่งปันลูกชิ้นให้ประมาณ 3 ไม้ และตังค์ 5-10 บาท ไม่ได้เยอะอะไรมากมาย" - กฤษณะ ขำวงษ์ หัวหน้าอาสาฯ มูลนิธิร่วมกตัญญูชนแดน สะท้อนภาพความดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวของน้องซากิ

ด้านคุณอาของน้องซากิ “อำไพพรรณ มาอยู่” เล่าว่าบางครั้งไม่มีอะไรกิน เพื่อนบ้านเกิดความรู้สึกสงสาร จึงแบ่งปันข้าวและอาหารมาจุนเจือให้อิ่มท้องได้บ้าง หรือบางครั้งอาจต้องอาศัยข้าวจากวัด เพื่อประทัง 3 ชีวิตที่ยังอยู่

“บางทีก็อดข้าวถึง 2 วัน แต่ถ้าวันไหนที่ซื้อข้าวมา กินได้ตอนเย็นกับตอนเช้า ตอนที่ต้องอดข้าวจริงๆ ความรู้สึกมันก็ไม่เชิงแย่ แต่เราก็ต้องสู้ เราสู้เพื่อแม่ เพื่อหลาน" อาของน้องซากิยืนยันไม่ท้อต่อภาวะความอดอยากของครอบครัว

ยอมขาดเรียนดูแลย่า..เพราะไร้ที่พึ่ง

นอกเหนือจากที่ต้องทำงานบ้าน-ดูแลย่าทวดและอาที่ป่วย ฮีโร่วัย 11 ขวบ ยังต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการหาเลี้ยงครอบครัวด้วย แต่ด้วยภาระและเวลาอันจำกัด น้องซากิที่ยังอยู่ในวัยเรียน จึงต้องขาดเรียนอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้การเรียนรู้ของซากิพัฒนาได้ช้ากว่าเด็กคนอื่นๆ

"น้องซากินิสัยดี ร่าเริง แต่น้องเขาจะเรียนช้า เรียนไม่ทันเพื่อน สาเหตุที่ไม่ทันเพราะขาดเรียนบ่อย อาทิตย์หนึ่งมาเรียน 2 วัน มาเรียนวัน ขาดอีกวัน หรือมา 1 วัน ขาด 2 วัน ส่วนเรื่องผลกระทบมันมีอยู่แล้ว หลักๆ เรื่องผลการเรียนที่ออกมาไม่ดี" ศิริรัตน์ ธนศิริรัตนานนท์ ครูประจำชั้นน้องซากิ

แน่นอนว่าการต้องดูแลย่าและอาที่ป่วยอยู่บ้านนั้น มีผลทำให้น้องซากิไม่มีเวลาเต็มที่ให้กับเรื่องการเรียน ทั้งยังต้องเป็นกำลังหลักของครอบครัวในการหาเงินเลี้ยงปากท้องคนที่บ้าน นั่นจึงทำให้การเรียนของน้องออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ทว่า ทางผอ.โรงเรียนอนุบาลชนแดน “ไพรวัลย์ พุทธารัตน์” ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ
ซากิและอา
 
“ปัญหาของน้องซากิตอนนี้ คือ เขาขาดเรียนบ่อย ทางคณะครูก็พยายามติดตามอยู่เสมอ แต่เราก็ไม่สามารถทำให้เด็กมาโรงเรียนได้ตามความต้องการของคณะครูได้ ส่วนเรื่องผลการเรียน โดยธรรมชาติของเรื่องการเรียน มันคือการต้องฝึกฝนทักษะ ไม่ว่าวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ แต่เมื่อไม่ได้เข้าสู่กระบวนการเรียน

ดังนั้น ผลการเรียนของน้องจึงไม่ค่อยจะดีนัก แต่จากการที่ผมได้พูดคุยกับน้อง การสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ ผมมีความเชื่อว่าระดับสติปัญญาของเขาก็เหมือนกับเด็กๆ คนอื่นทั่วไป เพียงแต่เขาแค่ขาดประสบการณ์ในการมาเรียน จึงทำให้เขาบกพร่องในเรื่องการเรียนนั่นเอง

ทั้งนี้ ผอ.ไพรวัลย์ ยังเผยความรู้สึกที่มีต่อนักเรียนของตนอีกว่า รู้สึกเป็นห่วงอนาคตและเห็นใจน้องซากิที่ต้องรับภาระดูแลครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย พร้อมบอกอีกว่าทางคณะครูได้มีการช่วยเหลือเรื่องการเรียนแก่น้องซากิอย่างเต็มที่

“ผมก็รู้สึกเห็นใจเขา และพยายามดูแลช่วยเหลือเขา เน้นย้ำกับคณะครูเสมอว่า เด็กทุกคนมีความสามารถที่จะเรียนรู้ได้ เราต้องมองว่าเขาสามารถพัฒนาได้ วันใดที่เขามา ต้องให้ประสบการณ์เขาเต็มที่

ทุกวันนี้ครูก็ดูแล ด.ช.สุรเดช เป็นพิเศษ ตอนเช้าประมาณ 8-9 โมง จะมีครูสอนพิเศษให้เขา หลังทานข้าวกลางวันประมาณ 12.10-13.00 น. ก็สอนอีกรอบหนึ่ง เมื่อเรียนในห้องปกติ ก็ฝากครูดูแลเป็นพิเศษอีกครั้ง”

ไม่เคย “น้อยใจ” ชีวิตไม่สมบูรณ์แบบ

หากเทียบกับเด็กวัยเดียวกันคนอื่นๆ คงกำลังสนุกอยู่กับการวิ่งเล่น ขณะที่เด็กชายซากิ ต้องตื่นนอนแต่เช้ามาเพื่อดูแลคนป่วย ทั้งยังต้องออกไปรับจ้างเพื่อแลกกับค่าจ้างเล็กๆ น้อยๆ มาจุนเจือครอบครัวให้ท้องอิ่ม น้องซากิบอกกับเราว่าไม่เคยรู้สึกท้อใจที่ชีวิตไม่สมบูรณ์แบบเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่รู้สึกดีใจที่ได้ทำเพื่อย่าและอา
“ผมไม่เคยน้อยใจในชีวิต รู้สึกแค่ว่าดีใจที่ได้ทำเพื่อย่าและอา ผมก็คิดถึงพ่อกับแม่เหมือนกันครับ เวลาที่คิดถึงก็จะไปกอดย่ากับอา แล้วบอกว่าหนูคิดถึงพ่อ-แม่”
ด้านคุณย่าทวดเผยความรู้สึกให้ฟังว่า ถึงวันนี้น้องซากิจะไม่มีอ้อมกอดจากพ่อและแม่ แต่ยังมีอ้อมกอดจากย่าและอาที่พร้อมโอบกอดเขาอยู่เสมอ แม้มีบ้างที่คิดท้อแท้ใจไม่อยากมีลมหายใจอยู่ แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าของหลานชายและลูกสาวก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“เขาเคยคุยเรื่องพ่อแม่ เขาบอกว่าอยากไปอยู่กับแม่ แต่แม่เขาไม่เอา ทางญาติก็ไม่มีใครเอาหมดเลย เหตุผลที่บอกเพราะน้องหัวช้า มีความคิดช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน เขาเลยไม่ให้ไปอยู่ด้วย
ทุกวันนี้อ้อมกอดของพ่อแม่ไม่มี มีแต่อ้อมกอดของย่าทวดกับอา เขาจะเข้ามาคลุกคลีกับเรา เพราะเขาขาดความอบอุ่น บางทีเรายังไม่หลับ เขาก็แกล้งไม่ให้เราหลับ ที่เป็นอยู่กันแบบนี้บางครั้งก็ท้อ คิดว่าอยู่ก็เป็นภาระของเขา แต่คิดไปคิดมาก็ห่วงหลาน อยากอยู่กับลูก-หลานไปก่อน เราจะไปจากเขาวันไหนก็ช่างมัน”


 
ขณะที่คุณอาของน้องซากิเปิดเผยความรู้สึกว่านึกน้อยใจในชีวิตอยู่เหมือนกัน แต่จะไม่ท้อใจและหากขอพรได้สักหนึ่งข้อ อยากขอพรให้แม่ของตนหายจากอาการป่วย ทั้งยังเป็นห่วงด้วยว่าหากตนเองต้องจากโลกนี้ไปก่อน ใครจะดูแลแม่และหลานชาย

“เคยน้อยใจนะคะ น้อยใจตัวเองเหมือนกัน แต่ว่าไม่ท้อค่ะ ความสุขตอนนี้ก็คือน้องซากิกับแม่ อยู่กันแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ถ้าไม่มีแม่ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ตอนนี้แม่ก็อายุมากแล้ว ถ้าเกิดเราจากไปก่อนเขา แล้วใครจะดูแลเขา เพราะชีวิตข้างหน้ามันก็ไม่แน่นอน

ถ้าเลือกขอพรได้ข้อหนึ่ง อยากให้แม่สบาย ให้แม่หายป่วย อยากให้แม่สู้ๆ เพราะก็ยังมีหนูดูแลอยู่ หนูรักแม่ หนูมีแม่อยู่คนเดียว”

ด้วยความกตัญญูของน้องซากิ ทำให้คนในชุมชนและสังคมรับรู้เรื่องราว ต่างยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ทำให้ครอบครัวของน้องมีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งด้านจิตใจและความเป็นอยู่
แต่ความน่าเป็นห่วงของครอบครัวน้องซากิ ไม่ได้อยู่แค่ความยากจนและอาการป่วยที่รุมเร้าย่าและอาเพียงอย่างเดียว แต่เรื่องที่อยู่อาศัยถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับครอบครัวนี้ด้วยเช่นกัน

“เรื่องใหญ่เลย บ้านที่อยู่เป็นบ้านเช่า น้ำประปาไม่ถึง เวลาจะใช้ ต้องซื้อเอา จะโดนย้ายหรือขอให้ออกเมื่อไร ก็ไม่รู้ แต่ก่อนตอนที่ยังไม่มีความช่วยเหลือ เขาค้างค่าเช่าบ้านหลายเดือนมาก ถ้าโซเชียลฯ ช่วยไม่ทัน น้องน่าจะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้แล้ว

ตอนนี้ก็มีหลายหน่วยงานจะเข้ามาสนับสนุนสร้างที่อยู่อาศัยให้ แต่ยังติดเรื่องที่ดินที่จะให้เขาสร้างบ้าน ยังไม่มี อย่างมูลนิธิร่วมกตัญญู ทาง จ.เพชรบูรณ์ มีกลุ่มเครือข่ายที่ยินดีเข้ามาช่วยเหลือสร้างที่อยู่อาศัยให้น้อง เต็มใจที่จะมาสร้างให้ แต่ยังขาดเรื่องที่ดิน” หัวหน้าอาสาฯ มูลนิธิร่วมกตัญญูชนแดน
.
 
หากท่านใดต้องการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายหรือช่วยให้ครอบครัวน้องซากิมีที่ดินสำหรับปลูกบ้าน สามารถโอนเงินไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาชนแดน ชื่อบัญชี อำไพพรรณ มาอยู่ เลขที่บัญชี 623-0-13061-0 ติดตามรับชมรายการ “ฅนจริง ใจไม่ท้อ” ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-10.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1


กำลังโหลดความคิดเห็น