xs
xsm
sm
md
lg

(แอบ)ขึ้นราคาสินค้า “ช้อปช่วยชาติ” หรือ “ช้อปช่วยห้างฯ !?”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
เมื่อสินค้าทยอยขึ้นราคา 'ช้อปช่วยชาติ' จึงกลายเป็น 'ช้อปช่วยห้าง' ซะงั้น! โลกออนไลน์วิจารณ์เดือด สินค้าถูกปรับขึ้นราคาช่วง 'ช้อปช่วยชาติ' เอาเปรียบผู้บริโภค ล่าสุด พาณิชย์สั่งตรวจสอบ “ห้างค้าปลีก” ขึ้นราคาฉวยโอกาส เตือน ใครพบเห็นแจ้งเรื่องเอาผิดได้!






ช้อปช่วยชาติ = นาทีทองนักฉวยโอกาส?

“ขึ้นราคาเกือบทุกอย่าง ชาเขียวยี่ห้อหนึ่งจากราคา 15 บาท ขึ้นเป็น 20 บาท ปลากระป๋องจากราคา 18 บาท ขึ้นเป็น 20 บาท กาแฟจากราคา 13 บาท ขึ้นเป็น 15 บาท นี่มันมหกรรมช้อปช่วยชาติหรือมหกรรมขึ้นราคากันแน่”

หนึ่งในความเห็นจากโลกออนไลน์ที่ได้แสดงความคิดเห็นถึงประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างหนัก เกี่ยวกับประเด็นการขึ้นราคาของสินค้าบางประเภทในช่วงมหกรรม “ช้อปช่วยชาติ” โดยหลังจากที่โลกออนไลน์ได้เผยแพร่ข้อความจากผู้ซื้อสินค้ารายหนึ่งที่ได้เดินทางไปเลือกซื้อสินค้าในแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ห้างฯ สรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

พบว่าราคาโทรทัศน์ยี่ห้อหนึ่งขึ้นราคาจากป้ายเดิมราคา 16,490 บาท ถูกเปลี่ยนป้ายราคาใหม่เป็นราคา 18,490 บาท และเมื่อสอบถามทางพนักงานขายได้คำตอบว่าเป็นนโยบายของผู้บริหารสั่งการมา หากต้องการได้สินค้าลดราคา แนะนำให้มาช่วงสิ้นปี เพราะเป็นเทศกาลลดราคาสินค้าตามห้างฯ ต่างๆ
“เมื่อวานนี้มีประกาศจากรัฐบาลเรื่องมาตราการลดภาษี สำหรับผู้ที่ช้อปช่วยชาติ วันนี้มีโอกาสแวะไปซื้อของที่ห้างฯ แห่งหนึ่งในแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าดูทีวี ขนาด 49 นิ้ว เห็นราคาติดไว้ 16,490 บาท เลยว่าจะซื้อเครื่องนี้ แต่จะรอถึงวันที่ 11 พฤศจิกายนก่อน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ทางการกำหนด
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

 
ขณะที่ยืนมองดูยี่ห้ออื่นๆ อยู่ ได้มีพนักงานมาเปลี่ยนป้ายราคาเครื่องที่เราจะซื้อเป็น 18,490 บาท ขึ้นที 2,000 บาท (ความจริงเขาเปลี่ยนขึ้นราคาแทบทุกเครื่องทุกยี่ห้อ) เราเลยสอบถามพนักงาน เขาบอกว่าเป็นนโยบายของผู้บริหารสั่งการมาของมีขึ้นมีลง

"ถ้าต้องการซื้อของถูก ให้มาซื้อตอนปลายธันวาคม-ต้นมกราคมสิ เพราะเป็นเทศกาลลดราคาของห้างฯ แทบทุกห้างฯ อยู่แล้ว" ทำให้เรามาคาดการณ์ว่า ช่วงที่ช้อปช่วยชาติ ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. - 3 ธ.ค.60ห้างฯ จะไม่ลดราคา กะฟันเต็มที่อยู่แล้ว และหลังจากวันที่ 3 ธ.ค. 60ถึงจะมีการลดราคา ใครที่จะซื้อของเพื่อลดภาษีลองพิจารณาดู”

โดยหลังจากที่มีการเผยแพร่ข้อความดังกล่าว ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นร้อนนี้ไปทั่วโลกออนไลน์ ซึ่งความเห็นส่วนใหญ่มีการพูดถึงเรื่องราคาที่ปรับขึ้นของสินค้าบางอย่าง รวมถึงตั้งคำถามกับห้างฯ ร้านด้วยว่า นี่เป็นช่วงลดหย่อนภาษีให้กับประชาชนหรือเป็นช่วงฉวยโอกาสของนักลงทุนกันแน่

“เสื้อบางยี่ห้อ จาก 300 กว่าบาท ตั้งไปเป็น 1,250 บาท”

“ขึ้นราคาเกือบทุกอย่าง ชาเขียวจาก15บาท ขึ้นเป็น20บาท ปลาป๋องจากราคา 18 บาท เป็น 20 บาท กาแฟ13บาท ขึ้นเป็น15บาท ไหนรัฐบาลบอกขึ้นเฉพาะเครื่องดืมที่มีแอลกอฮอล์ แล้วนี่มันอะไรกัน”

“กาแฟกระป๋องขึ้น 2 บาท จาก 13 บาท เป็น 15 บาท ถ้าขายวันละล้านกระป๋อง กำไรเพิ่มทันทีวันละ2ล้าน ประชาชนก็รับกรรมไป”

ร้านค้า(แอบ)ขึ้นราคา ระวังคุก 7 ปี!

จากกระแสดรามาปรับขึ้นราคาสินค้าบางชนิดที่ได้มีการเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ต่างๆ เกี่ยวกับการที่ผู้ประกอบการค้าปลีกบางราย ถือโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภคในช่วงมหกรรมช้อปช่วยชาติ ด้วยการขึ้นราคาสินค้าบางชนิด เพื่อจำหน่ายในช่วงที่ประชาชนจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าในช่วงเวลาที่มีโครงการช้อปช่วยชาติดังกล่าว

“สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากกระแสที่สังคมพูดถึงกรณีที่พบผู้ประกอบการค้าปลีกปรับขึ้นราคาในช่วงช้อปช่วยชาติขณะนี้ ได้มีการสั่งการให้กรมการค้าภายในตรวจสอบการขึ้นราคาสินค้าตามที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนแล้ว

รวมถึงได้สั่งให้กรมการค้าภายในออกหนังสือแจ้งไปยังห้างร้านต่างๆ อย่าได้มีพฤติกรรมดังกล่าวและหากตรวจสอบพบจะมีการเอาผิดตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด!
“บุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร” อธิบดีกรมการค้าภายใน

 
ด้าน “บุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร” อธิบดีกรมการค้าภายใน สำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน ได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นที่สังคมตั้งคำถามในขณะนี้ว่า ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบและดูแลไม่ให้ผู้ประกอบการค้าปลีกแต่ละแห่ง ฉวยโอกาสขึ้นราคาเอาเปรียบประชาชน หากประชาชนพบเห็นสามารถแจ้งเอาผิดได้ทันที!

“ทางเราได้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ ราคาจำหน่ายสินค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงที่มีโครงการช้อปช่วยชาติว่า ให้ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้า-บริการ รวมถึงตัวผู้ประกอบการค้าปลีก จำหน่ายสินค้าและบริการในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม

โดยห้ามไม่ให้ฉวยโอกาสปรับราคาสูงขึ้นโดยไม่มีเหตุผลสมควร หากร้านค้าปรับราคาจำหน่ายสินค้าสูงขึ้น เป็นการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลตามโครงการช็อปช่วยชาติ ที่ต้องการให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

หากว่าไม่เป็นไปตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของกระทรวงพาณิชย์ จะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

อย่างไรก็ดี สำหรับประชาชนที่พบเห็นการกระทำดังกล่าวที่เข้าข่ายเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค สามารถโทรแจ้งได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 และที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศได้ทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น