xs
xsm
sm
md
lg

“ประมาณ” ว่า... “หัวหมอ” ยึดครีมนักกฎหมาย ขู่เข้าข่ายลักทรัพย์!! [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ใครเอาไป ถือว่าลักทรัพย์!!” เป็นเรื่องราวใหญ่โต เมื่ออาจารย์ประมาณ นักกฎหมายชื่อดัง เล่นโพสต์ขู่เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเอาไว้ ผ่านแฟนเพจ “ประมาณว่า..” ของตัวเอง เพราะถูกยึด “ครีมล้างหน้า” กับ “น้ำมันรกแกะ” ไม่ผ่านด่านตรวจ ตำหนิออนไลน์ว่าเจ้าหน้าที่แล้งน้ำใจ แฟนคลับเข้ามาหนุนใหญ่ จนนักกฎหมายรุ่นน้องต้องออกโรงขอแนะ “นับถืออาจารย์ แต่ทำไม่ถูกต้องหลายเรื่องจริงๆ!!”


 

ถ้าไม่ “ลักทรัพย์” ก็ “รับของโจร”!!


[วางไว้ที่โต๊ะ ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน ห้ามแตะต้อง ไม่งั้นเข้าข่ายลักทรัพย์]
“ใครเอาไป ถือว่าลักทรัพย์ แล้วก็ถ่ายภาพไว้ ใครผ่านไปช่วยดูหน่อยนะครับว่าของยังอยู่หรือเปล่า” ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความชื่อดัง โพสต์บอกเล่าเรื่องราวความโกลาหลของชีวิตตัวเองผ่านแฟนเพจ “ประมาณ ว่า.." เอาไว้ หลังเดินทางไป “ท่าอากาศยานดอนเมือง” เพื่อมุ่งหน้าสู่ จ.เชียงราย แต่กลับมาขึ้นเครื่องสาย จึงโหลดกระเป๋าไม่ทัน จำต้องยัดของเหลวที่พกติดตัวมาในกระเป๋า เข้ากระเป๋าพกพาขึ้นเครื่องของตัวเองไปด้วย โดยหวังว่าจะผ่านด่านตรวจได้ แต่กลับไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น
 
ของเหลวในกระเป๋ามี 120 กรัม กับ 150 กรัม ห้ามขึ้นเครื่อง ผมขอฝากไว้ บอกเดี๋ยวให้คนมาเอา เขาบอกไม่รับฝาก (ดูเถอะครับ นี่ขนาดเป็นเจ้าหน้าที่คนไทยด้วยกัน น้ำใจหาไม่ได้เลยครับ) ผมบอกงั้นเดี๋ยวผมเอาไปฝากไว้ที่ร้านค้าเอง วันหลังค่อยมาเอา เขาบอกไม่ได้ ต้องอยู่ในเขตตรวจสัมภาระ
 
ไอ้เราก็จะไม่ทันขึ้นเครื่อง เลยต้องหยุดสนทนา ผมเลยเอาครีมล้างหน้ากับน้ำมันรกแกะ วางไว้ที่โต๊ะใกล้ๆ ที่ตรวจสัมภาระ และประกาศว่าผมยังหวงแหนและไม่ได้ละทิ้งการครอบครอง

[ครีมทาหน้า และน้ำมันออยล์]

ทั้งหมดนั้นคือโพสต์แรก ซึ่งประกอบด้วยภาพและคำบรรยายของอาจารย์ ที่เรียกดรามาเอาไว้ได้ในล็อตแรก ต่อมาล็อตที่ 2 เมื่อถึง “ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย” แล้ว อาจารย์ประมาณก็ Live สดผ่านแฟนเพจของตัวเอง ชี้แจงเรื่องราวดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยย้ำชัดว่า รู้กฎการบินและกฎสนามบินอยู่แล้ว เพราะขึ้นเครื่องมาเป็นพันๆ เที่ยวแล้ว เพื่อไปว่าความและทอล์กโชว์ทั่วประเทศ เพียงแต่เสียความรู้สึกที่ “เจ้าหน้าที่แล้งน้ำใจ” เท่านั้นเอง

“เมื่อกี๊นี้ เสียอารมณ์ เสียความรู้สึกที่สุดเลยนะครับ กับเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานดอนเมืองแห่งประเทศไทย เสียความรู้สึกที่สุด...

ผมเองออกมาจากสำนักงานมา อาจจะสายนิดนึง ผมมาเที่ยวบินเวลา 16.40 น. ตอนนั้นพอไปถึงสนามบิน เป็นเวลา 16.10 น. อีกครึ่งชั่วโมงเครื่องออก โหลดกระเป๋าไม่ทัน เขาไม่รับโหลดกระเป๋าแล้ว


[เมื่อเดินทางถึง "ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย" จึงไลฟ์ตำหนิ "ท่าอากาศยานดอนเมือง"]
ผมเนี่ย ไม่ใช่ว่าไม่รู้กฎการบินนะครับ ผมบินมาเป็น 1,000 เที่ยวแล้วนะครับ ทั้งในและต่างประเทศ ว่าความมาแล้วเกือบทั่วประเทศ แค่เฉพาะทอล์กโชว์ก็เกือบทั่วประเทศแล้ว และระหว่างประเทศก็บินมาแล้วไม่รู้กี่รอบ

กฎการบิน ผมเข้าใจดีครับว่าของเหลวที่เราจะพกขึ้นเครื่อง มันต้องไม่เกินกว่า 100 กรัม แต่ครั้งนี้มันไม่ทันและมันก็ไม่ผ่าน ไม่ผ่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมก็บอกน้องเขาว่า ของพวกนี้พี่ขอฝากเอาไว้แล้วกันนะ เดี๋ยวมีคนมาเอา หรือไม่พี่กลับมาเอาเอง

ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่สนามบินดอนเมืองไม่รับฝาก โถ..แค่รับฝากเอาไว้ แล้วบอกว่าอยู่เคาน์เตอร์นี้ เลขนี้ๆ นะ เดี๋ยวพี่ให้คนเอามารับ ให้บริการประชาชน ให้ประชาชนเขาประทับใจหน่อยเถอะครับ คนเป็นข้าราชการเนี่ย

แต่นี่ไม่รับฝาก พอไม่รับฝาก ผมก็จะเดินไปหาที่ฝาก ว่าจะไปฝากร้านค้าที่ดอนเมือง วันหลังมาขึ้นเครื่องค่อยมาแวะที่ร้านค้า เจ้าหน้าที่บอกไงรู้ไหมครับ ของเหลวห้ามออกนอกพื้นที่ที่ตรวจสัมภาระ แล้วเครื่องกำลังจะออก

นี่ถ้าผมมีเวลา ผมจะทำคลิปไปแล้ว ตั้งแต่ตอนที่อยู่ดอนเมืองแล้ว ผมจะเอาถุงพลาสติกมา และเอาขวดบีบใส่ถุง และดูหน้าคนประเภทไม่มีความถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่มีการบริการประชาชน


ผมบอกได้เลย ของพวกนี้เราวางไว้ มันเสร็จ เสร็จเจ้าหน้าที่ มันเอาไปใช้เองครับ บางคนก็เอาไปใช้เอง บางคนก็เอาไปขาย

ที่ผมเสียใจ ผมเสียใจความเป็นคนไทยที่ไม่มีน้ำใจให้กันและกัน การทำแบบนี้ ไม่มี service mind ไม่มีการบริการประชาชนเลย ผมเอง ถ้าผมเป็นผู้บริหารนะครับ อะไรที่เอาขึ้นเครื่องไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าต้องทิ้งนะ ก็จัดแผนกรับฝาก มันหลังให้ใครมาเอาก็ได้

ไปบังคับให้เขาทิ้งหมด ของดีๆ ทิ้งหมด ผมก็เลยบอกว่า ของของผมไม่ทิ้งนะ ผมหวงแหนนะ เพราะของมันมีราคา ผมไม่ละทิ้งการครอบครองนะครับ เพราะฉะนั้น ใครไปเอามา ก็ถือว่าแย่งการครอบครองไปนะครับ

เพราะฉะนั้น ท่านผู้ชมที่ไปดอนเมืองขาออกนะครับ เวลาผ่านเข้าไป ไปดูขวดครีมกับขวดออยล์ว่ามันยังอยู่หรือเปล่า ผมถ่ายรูปไว้แล้ว ไปดูให้หน่อยครับว่ามันหายหรือยัง ถ้าหายแล้ว ฝากส่งเข้ามาในแฟนเพจหน่อยครับ

ผมกำลังคิดอยู่ว่า ถ้าไปถึงกรุงเทพฯ จะไปแจ้งความดีหรือเปล่าครับ เพราะของที่วางไว้ ของมันหายไป ให้ตำรวจไปตามหาซิว่า ของมันอยู่ที่ใคร ถ้าคนนั้นไม่ผิด ถ้าไม่ "ลักทรัพย์" ก็ต้อง "รับของโจร" เพราะผมไม่ได้ละทิ้งการครอบครอง"



 

ด้วยความเคารพ “อาจารย์ทำไม่ถูกนะครับ!!”


“อาจารย์ทำไม่ถูกต้องหลายเรื่องนะครับ” หลังได้ทราบข้อมูลกรณีข้อพิพาทระหว่าง “อาจารย์ประมาณ” กับ “เจ้าหน้าที่อากาศยานดอนเมือง” แฟนเพจ "Drama Lawyer" ทนายความชื่อดังบนโลกออนไลน์ ก็ไม่รอช้า ขอโพสต์ชี้แจงในฐานะนักกฎหมายด้วยกันเองในอีกมุมหนึ่ง เพื่อไม่ให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดเรื่องการเอาผิดเจ้าหน้าที่ จากกรณี “ยึดของเหลวในท่าอากาศยาน” โดยชี้แจงรายละเอียดออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้

“1. เวลาเครื่องออกคือ 16.40 น. ตามระเบียบการทำงาน จะปิดรับเช็กอินผู้โดยสารก่อนเครื่องออก 40 นาที ดันไปถึงเวลา 16.10 เขารับเช็กอินให้ก็บุญแล้วครับ เมื่อไปสายก็ต้องรับสภาพได้ว่า ไม่ได้โหลดกระเป๋าแน่นอน และไม่มีเวลาที่จะจัดการเรื่องอื่นได้

2. เจ้าหน้าที่ไม่มีหน้าที่ในการรับฝาก เพราะการรับฝากนั้นจำเป็นต้องรับผิดชอบความเสียหายในทรัพย์นั้น สิ่งที่จัดไว้คือจุดให้ทิ้งของ อย่าว่าแต่น้ำหอมหลักพันเลย ไวน์ขวดเป็นหมื่นก็ต้องทิ้ง


3. ถึงอาจารย์จะบอกว่า วางของไว้เฉยๆ แต่พฤติการณ์ในภาวะนั้นคือการสละการครอบครองแล้วครับ เจ้าหน้าที่มีหน้าที่นำไปทิ้งทุกวันอยู่แล้ว

หากจะหัวหมอ ฟ้องร้องว่าเจ้าหน้าที่ทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ย่อมไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ซึ่งผมก็จะรอดูนะครับว่าอาจารย์จะดำเนินการสมกับที่พูดหรือไม่

4. อาจารย์ได้กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่นำของดังกล่าวไปขายต่อ ถือว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาท พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้นทุกคน ถือเป็นผู้เสียหายมีสิทธิดำเนินคดีกับอาจารย์ได้ครับ

เท่าที่ทราบมา สนามบินมีจุดรับฝากสัมภาระ แต่ด้วยความที่ไปสายเอง คาดว่าคงดำเนินการไม่ทัน ซึ่งก็เป็นปัญหาที่อาจารย์ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ผลักภาระมาให้เจ้าหน้าที่ โดยอ้างน้ำใจคนไทย ถ้าคนไทยทุกคนทำแบบอาจารย์ คิดว่าสนามบินจะวุ่นวายแค่ไหนครับ?

โดยส่วนตัวแล้วผมเคารพอาจารย์นะครับ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้อาจารย์แสดงออกไม่สมกับความเป็นผู้ใหญ่ และความเป็นนักกฎหมายจริงๆ ครับ


ส่วนกรณีที่ถกเถียงกันอย่างหนักว่า “ควรให้มีบริการ ส่งของกลับไปยังเจ้าของ” ที่สนามบินได้นั้น แท้จริงแล้ว ที่ท่าอากาศยานเองก็มีบริการ “ไปรษณีย์ไทย” ที่สามารถไปยื่นติดต่อที่เคาน์เตอร์ เพื่อส่งของให้ถึงบ้านตัวเองได้เหมือนกัน เพียงแต่ในกรณีของอาจารย์ประมาณกรณีนี้นั้น ตัวอาจารย์มาขึ้นเครื่องช้าเอง จึงไม่เหลือเวลาต่อคิวดำเนินการใดๆ เพื่อให้ครีมทั้ง 2 ขวดที่พกมา ได้อยู่ในครอบครองของตัวเองตามเดิม

โดยหากจะฝาก “สิ่งของต้องห้าม” ใดๆ กลับไปผ่านบริการไปรษณีย์ จำเป็นต้องดำเนินการก่อนไปถึงจุดตรวจค้น ไม่เช่นนั้น จะตกอยู่ในที่นั่งเดียวกันกับกรณีอาจารย์ประมาณ คือเมื่อถูกตรวจค้นแล้ว เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้นำสิ่งของดังกล่าว ออกนอกเขตตรวจค้น และหมดอำนาจครอบครองสิ่งของนั้นๆ ในทันที


["ตู้ไปรษณีย์อัตโนมัติ" ส่งของต้องห้ามกลับบ้านได้โดยไม่ต้องเข้าคิว มีติดตั้งที่ "ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ" แล้ว]
ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้โดยสารอยู่ในภาวะรีบเร่งจริงๆ ล่าสุด มีบริการ “ตู้ไปรษณีย์อัตโนมัติ” เริ่มมาติดตั้งที่ “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” เรียบร้อยแล้ว เพื่อแก้ปัญหาผู้โดยสารไม่มีเวลาต่อคิวเพื่อส่งพัสดุที่เคาน์เตอร์ไปรษณีย์ไทย และมีแพลนว่าจะติดตั้งที่ “ท่าอากาศยานดอนเมือง” ด้วยหลังจากนี้

ส่วนเรื่องกฎข้อบังคับของทางท่าอากาศยานนั้น ถ้าลองศึกษา “ข้อมูลด้านการรักษาความปลอดภัย” บนเว็บไซต์ท่าอากาศยานดอนเมือง (airportthai.co.th) จะเห็นว่าได้ชี้แจงในหัวข้อ “มาตรการเรื่องของเหลว เจล สเปรย์ หรือวัตถุและสารอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน (Liquids, Aerosols and Gels: LAGs)” เอาไว้ให้ผู้ใช้บริการทุกท่านทราบอย่างละเอียดแล้ว

ใจความในมาตรการดังกล่าว ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นการประกาศใช้ระเบียบนี้มาจาก “กรมการบินพลเรือน” ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.50 โดยอนุญาตให้พกของเหลวติดตัวขึ้นเครื่อง ได้เพียงคนละไม่เกิน 1,000 มล. (1000 cc) เท่านั้น และต้องใส่ในถุงพลาสติกใส แบบปิดผนึกได้ที่ทางท่าอากาศยานเตรียมไว้ให้ คนละไม่เกิน 1 ใบ โดยแต่ละขวด ต้องมีความจุไม่เกิน 100 มล. (100 cc)

“หากภาชนะสามารถบรรจุเกิน 100 มล. จะนำติดตัวขึ้นไปในอากาศยานไม่ได้ ถึงแม้ว่าปริมาณของเหลวที่ใส่ในภาชนะไม่ถึง 100 มล.ก็ตาม”


ส่วนของเหลวที่ได้รับการยกเว้น ได้แก่ “นม” “อาหารสำหรับเด็ก” และ “ยา” ในปริมาณที่เหมาะสม โดยต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่ ณ จุดตรวจค้นดูก่อน เพื่อรักษาความปลอดภัย รวมถึง “ของเหลวซึ่งซื้อจากร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free Shop) ในสนามบินหรือซื้อในท่าอากาศยาน” โดยต้องไม่มีร่องรอยผิดปกติให้สงสัยว่า มีการใส่สิ่งของอย่างอื่นลงไปในถุง และมีหลักฐานแสดงชัดเจนว่า ซื้อจากร้านค้าปลอดภาษีที่สนามบิน หรือในอากาศยานในวันเดินทาง

ทางท่าอากาศยานดอนเมือง ระบุรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้อย่างชัดเจนผ่านทางเว็บไซต์ พร้อมกับแนบคำเตือนปิดท้าย ฝากเอาไว้ให้ผู้ใช้บริการว่า “ศึกษาไว้ไม่เสียหาย จะได้ไม่พลาด"



ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพ: thaifly.com, mu-ku-ra.com, airportthai.co.th และ aotripflight.com
กำลังโหลดความคิดเห็น