xs
xsm
sm
md
lg

วันเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง ต้องปรับตัวให้ทันเวลาที่เปลี่ยนไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โครงการบ้านหรูริมน้ำ บลูลากูน
หากจะเอ่ยถึงผู้หญิงเก่งที่ชื่อว่า "สุกัญญา สุวรรณนภาศรี" หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักเธอ แต่ถ้าพูดถึงนายวิวัฒน์ สุวรรณนภาศรี เจ้าของธุรกิจ ตลาดส่งเสริมเกษตรไทย หรือ ปากคลองตลาด, ปุ๋ยตราม้าบิน, ธุรกิจเคมีภัณฑ์, ส่งเสริมประกันภัยและน้ำดื่มกรีนเฟรช และเธอคือบุตรสาวของนายวิวัฒน์ ทุกคนต้องร้องอ๋อ

สุกัญญา ก้าวเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการที่บิดาของเธอได้ซื้อที่ดินย่านบางนา กม. 8 สะสมจนมีที่ดินหลายร้อยไร่ และได้บริจาคที่ดินจำนวน 165 ไร่ ให้แก่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปี 2526 เพื่อสร้างเป็นวิทยาเขต บางนาหรือที่เรียกว่า "รามคำแหง 2" และเหลือยังที่ดินเปล่าอีก 100 กว่าไร่ เมื่อมีมหาวิทยาลัย มีผู้คนเข้าไปเรียนไปทำงาน และย่อมมีความต้องการที่อยู่อาศัย ร้านค้า สิ่งอำนวยความสะดวกก็ตามมา และนั้นคือจุดเริ่มต้นของการสร้างอาณาจักรรามคำแหง 2 ของตระกูลสุวรรณนภาศรี

ในช่วงแรกของการพัฒนาเริ่มจากการสร้างอาคารพาณิชย์กว่า 400 ยูนิต และหอพักนักศึกษา เมื่อปี 2536 ในสมัยนั้นสุกัญญา ยังเป็นนักศึกษาและได้มีโอกาสตามบิดาไปดูแลการก่อสร้างและปลุกปั้นอาณาจักรแห่งนี้ขึ้นมา จนกระทั่งเรียนจบและได้เข้ามาบริหารงานด้วยตนเองด้วยวัยเพียง 25 ปี (ปัจจุบัน 40 ปี) ช่วงปี 2540 วิกฤตเศรษฐกิจพอดี แต่ด้วยตลาดรามคำแหง 2 เป็นความต้องการที่แท้จริงของผู้อาศัยในย่านนั้นจึงทำให้สามารถขายหมดในปี 2543

หลังจากนั้นสุกัญญา ก็เริ่มก็เริ่มพัฒนาอาณาจักรรามคำแหง 2 เรื่อยมาโดยมีคุณพ่อคอยเป็นที่ปรึกษาให้ ภายใต้กลุ่มบริษัท นัมเบอร์วัน ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เธอผู้นี้ได้สร้างอาณาจักรนัมเบอร์วัน หรือ รามคำแหง 2 จนมีพร้อมเกือบทุกสิ่ง เริ่มตั้งแต่อาคารพาณิชย์ ตลาดนัมเบอร์วันที่เป็นตลาดสด ศูนย์ค้าส่ง อาหารสำเร็จรูป ตลาดนัด ศูนย์การค้านัมเบอร์วันที่มีทั้งโรงหนัง โบว์ลิ่ง ร้านค้า ร้านอาหารและเอนเตอร์เทนเมนต์ครบครัน และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ตลาดแห่งนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นมา คือการมีคนพักอาศัยที่นี่หลายพันคน โดยมีอพาร์ตเมนต์ให้เช่ากว่า 3,000 ห้อง และด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทำให้ผู้ที่เข้ามาพักอาศัยที่นี่แทบจะไม่ต้องออกไปหาสิ่งอำนวยความสะดวกข้างนอกเลยก็ว่าได้

การสร้างอาณาจักรนัมเบอร์วันยังไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ เธอบอกว่าจะสร้างอพาร์ตเมนต์เพิ่มขึ้นอีกและขยายตลาดที่แพงขึ้น เพราะทุกวันนี้ไม่ใช่แค่นักศึกษาเท่านั้นที่เข้ามาเช่าอยู่ แต่ส่วนใหญ่กลับเป็นคนทำงานทั้งในย่านนั้นและทำงานในเมืองเพราะการเดินทางสะดวก และเธอมีแผนที่จะขยายอพาร์ตเมนท์เพิ่มขึ้นอีก รวมทั้งการซื้อที่ดินเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

"นัมเบอร์วัน" เป็นเพียงบทพิสูจน์หนึ่งของหญิงเก่งคนนี้ เพราะเธอยังทำธุรกิจบ้านจัดสรรอีกด้วย โดยมีน้องชาย สุธรรม สุวรรณนภาศรี เข้ามาช่วยงาน เมื่อปี 2546 ประเดิมโครงการ นัมเบอร์วัน ออเงิน, โครงการมายเพลส บนถนนปราบเซียนอย่างวัชรพล และได้ปิดการขายไปแล้ว ล่าสุดโครงการบ้านหรูริมน้ำ "บลูลากูน" ใกล้กับรามคำแหง 2 ติดถนนวงแหวน-สุวรรณภูมิ

ชีวิตของสุกัญญาเหมือนจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ แต่เธอบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่มายืนอยู่บนจุดนี้ได้ เธอเล่าว่าต้องทำทุกอย่างเพื่อลบภาพคุณหนู ลูกเถ้าแก่ อายุก็น้อย ทำอะไรก็ต้องทบบทวนให้ดี ทำให้มีบุคลิกเงียบขรึม จริงจังกับการทำงาน แม้กระทั่งการแต่งตัวที่แก่กว่าอายุจริง ทำให้ทุกคนที่ทำงานด้วยต่างเกรงกลัวเธอทั้งนั้น

สิ่งหนึ่งที่หล่อหลอมให้เก่ง เพราะชีวิตของพ่อเธอทำงานตลอด วันหยุดก็ไปทำงาน ดูงาน ทำให้เธอต้องติดตามพ่อไปด้วย และทำให้ปลูกฝังว่าเราต้องทำงาน แม้ว่าจะมีพร้อมทุกอย่างก็ตาม และต้องรู้ทุกอย่างแม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องลงมือทำเองก็ตาม การพัฒนาตลาดสักแห่งให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่มีสิ่งปลูกสร้างอย่างเดียว มันมีองค์ประกอบอีกหลายอย่างมาก ต้องเข้าไปพบปะ พูดคุยกับพ่อค้า-แม่ค้า ขนาดช่วงที่เรียนหอการค้า ยังเคยไปซื้อของกิ๊ฟต์ชอปมาขายที่รามคำแหง 2 เธอบอกว่าสนุกดี ได้ตังค์อีกด้วย

"แรกๆก็ไม่รู้ตัวนะว่าตัวเองทำหน้าดุ ยากจะยิ้ม อยากสนุกแต่ต้องคิดทำให้จริงจังตลอดเวลาไม่มีใครกล้าบอกหรือเตือน ลูกน้องทุกคนเกรงเวลาทำงานด้วย ซึ่งมันเป็นบรรยากาศที่ไม่ดีในการทำงานเลย จนกระทั่งเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา งานทุกอย่างมันลงตัว เข้าที่เข้าทาง มีน้องชายมาช่วยทำให้เราผ่อนคลายได้เยอะ หลังจากนั้นเริ่มหันไปมองย้อนหลัง ดูรูปเก่า ยอมรับเลยว่าแต่งตัวแก่มาก แล้วก็มาคิดว่าเราควรปรับปรุงตัวเอง เปลี่ยนตัวเองใหม่ ยิ้มบ้าง เริ่มแต่งตัวเป็นและก็เริ่มดีขึ้น

มีอยู่ช่วงหนึ่งได้มีโอกาสไปนั่งสมาธิทำให้ได้คิด ได้ปล่อยวาง ไม่ยึดติดกับอะไร อย่าไปตีกรอบ ตอนนี้ชีวิตมีความสุข เพียงแค่เปลี่ยนวิธีคิด มีสติ โอกาสพลาดมีน้อยมาก

ที่ผ่านมาทำงานมาตลอด ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายธรรมดา ไม่ค่อยได้เข้าสังคมเพราะไม่ชอบ ส่วนเรื่องเที่ยวมีบ้าง ทั้งในและต่างประเทศกับลูกๆ บางทีก็ไปกับญาติๆ ออกกำลังกาย เล่นฟิตเนสบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะอยู่บ้านพักผ่อน ฟังแล้วชีวิตไม่ได้หวือหวาอะไร นอกจากการทำงาน


แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเธอคนนี้ดูมีสีสันมากขึ้น คือการที่ชอบนาฬิกาเป็นชีวิตจิตใจ

อย่าพูดว่าสะสมเลยเพราะไม่ได้มีเยอะเหมือนกับนักสะสมคนอื่น มีนาฬิกาไม่กี่เรือน ชอบก็ซื้อ ที่ชอบนาฬิกา เพราะเป็นสิ่งที่เตือนให้เราเห็นคุณค่าของเวลา วันเวลาที่มันเปลี่ยนไปในแต่ละวัน เราต้องปรับตัวให้เป็นไปตามวันเวลาที่เปลี่ยนไป


กำลังโหลดความคิดเห็น