สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว ที่ญี่ปุ่นก็มีวิทยาลัยสายอาชีพเหมือนวิทยาลัยเทคนิคของเมืองไทยนะครับ แต่ดูเหมือนนักเรียนจะไม่ได้มีความขัดแย้งระหว่างนักศึกษาต่างสถาบัน แล้วนักศึกษามหาวิทยาลัยล่ะครับคิดว่าเขม่นกันไหม?!
ผมอยู่เมืองไทยมาหลายปีแล้ว และคิดว่าอยู่ประเทศไทยมีความสุขความสงบอย่างที่เป็น ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไปจากญี่ปุ่น แต่มีบางประเด็นที่ผมคิดว่าไม่สมเหตุสมผลสําหรับผมในฐานะคนญี่ปุ่น คือเรื่องที่นักเรียนต่างสถาบันในสถานศึกษาที่เมืองไทยมีความขัดแย้งกัน เคยได้ยินว่านักเรียนโรงเรียนเทคนิคบางครั้งก็ต่อสู้กันจนมีคนเสียชีวิต ผมเองเคยเจอกลุ่มนักเรียนเหล่านั้นเดินกันเต็มถนนเลยครับ กลัวมาก มาดูเรื่องที่ผมเคยเจอและได้ยินได้ฟังบางตัวอย่างครับ
■ มีครั้งหนึ่งผมไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวซอยสุขุมวิท ที่ร้านมีคนญี่ปุ่นและคนไทยมากมาย ระหว่างที่ผมกำลังกินอาหารอร่อยๆ ด้วยความอารมณ์ดี ทั้งเนื้อเป็ดย่าง ปลาลวกจิ้ม ข้าวผัดปู และเบียร์ นั่งไปก็คุยกับเพื่อนคนญี่ปุ่นไป อยู่ๆ ก็มีนักเรียนจากโรงเรียนอาชีวะศึกษาที่ไหนสักแห่งกําลังเดินขบวนบนทางเท้าแถวๆ หน้าร้านอาหาร เขามากันเป็นกลุ่ม มีทั้งธงและป้าย ดูเอาจริงกันมาก เดินวนๆ ป้วนเปี้ยนไม่ห่างจากร้านเท่าไหร่ ผมและภรรยามองหน้ากันทันทีและรู้สึกว่ามันอันตรายมากควรออกไปจากที่นี่ด่วนที่สุดเพราะน่าจะปลอดภัยกว่า ผมกลัวว่าพวกเขาจะเปิดการปะทะและยิงกัน แต่ทั้งเพื่อนคนญี่ปุ่นของผมและคนญี่ปุ่นที่อยู่ในร้านหลายโต๊ะดูเหมือนจะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!! เพื่อนคนญี่ปุ่นที่อยู่กับผมกําลังกินเต้าหู้แอปริคอทด้วยใบหน้าแปลกๆ เขาสงสัยว่าทําไมผมดูกลัวและดูรีบขนาดนี้
■ ผมเคยได้ยินข่าวว่ามีเหตุยิงกันบนรถเมล์ธรรมดาสายที่ผมใช้เดินทาง เหตุเกิดจากความขัดแย้งระหว่างนักเรียนโรงเรียนมัธยมเทคนิคในละแวกนั้น และน่าเสียดายที่มีเหตุการณ์ที่เจ็บปวดมากคือหญิงพลเมืองที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทได้โดนลูกหลงเสียชีวิต และผมต้องใช้รถสายเดียวกันนั้นกลับบ้านตอนดึก ผมจึงรู้สึกกลัวมาก
ซึ่งเรื่องนักศึกษาต่างสถาบันยกพวกตีกันแบบนี้ไม่มีที่ญี่ปุ่นครับ แต่มีสถานศึกษาแนวเดียวกับเมืองไทยนะครับ คือสถาบันเทคโนโลยีโตเกียวและมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์โตเกียวที่มีความแตกต่างกันคือ เป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลและมหาวิทยาลัยเอกชน แต่ทั้งสองเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนําด้านวิทยาศาสตร์ (ระดับผมจะฟังพวกเขาพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่รู้ว่าพวกเขากําลังพูดอะไรกัน (^^;)) เพราะเขาหัวดีมาก แต่แปลกที่ชาวบ้านทั่วไปจะจดจำวิทยาลัยไม่ค่อยได้) มีคนเคยสอนวิธีแยกแยะความต่างของทั้ง 2 สถาบันคือ
・สถาบันเทคโนโลยีโตเกียวสวมเสื้อชอปลายตารางและนักศึกษามักจะใส่แว่นตาหนา
แต่
・มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์โตเกียวสวมแว่นตาหนาและเสื้อเชิ้ตผ้าสักหลาดลายตาราง
มันเกี่ยวอะไร (・ω・`)
เรื่องราวที่สําคัญคือ ที่จริงทั้ง 2 สถาบันเข้ากันไม่ได้ หรือพวกเขาแอบต่อสู้ด้วยกันด้วยอาวุธก็ไม่ทราบนะครับ แต่แน่นอนผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน และมันน่าจะเป็นไปไม่ได้
และการทะเลาะวิวาทกันระหว่างโรงเรียนก็มีไม่มากนักแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลยในญี่ปุ่น และความเป็นปรปักษ์กันระหว่างสโมสรกีฬาที่เล่นกีฬาเดียวกันในสถาบันการศึกษาใกล้เคียงก็ยังมีให้ได้ยินอยู่ และจะแตกต่างจากมิตรภาพและการแข่งขันเล็กน้อยที่บางครั้งมีการเผชิญหน้ากันในเกมการฝึกซ้อมที่แอบแฝงเจตนาสังหารที่เกินไปอย่างมาก ดูน่าทึ่งกว่าเมืองไทยไหมครับ ที่เห็นได้ชัดคือเหตุการณ์ที่กล่าวขานกันอย่างมากในเกมที่เรียกว่า Tokyo Big6 Baseball League (東京六大学野球連盟 ) ซึ่งมีการแข่งขันกีฬาเบสบอลกระชับความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง 6 แห่งในเขตโตเกียว มายาวนานกว่า 100 ปีตั้งแต่ก่อนสงคราม มีทีม
* มหาวิทยาลัยโฮเซอิ
* มหาวิทยาลัยเคโอ
* มหาวิทยาลัยเมจิ
* มหาวิทยาลัยริคเคียว
* มหาวิทยาลัยโตเกียว
* มหาวิทยาลัยวาเซดะ
ซึ่งมีเกมกีฬาเบสบอลระหว่างมหาวิทยาลัยวาเซดะและมหาวิทยาลัยเคโอที่น่าตื่นเต้นที่สุด ส่วนในเกมระหว่างมหาวิทยาลัยโตเกียวและวาเซดะ เชียร์ลีดเดอร์พูดว่า "ฉันก็อยากเข้ามหาวิทยาลัยโตเกียวเหมือนกัน ให้ตายสิ!" ถือเป็นงานประจําปีเพื่อกระชับความสัมพันธ์กันด้วย (ในขณะที่นายคิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบันเคยสอบตกที่มหาวิทยาลัยโตเกียว 3 ครั้ง และไปจบที่วาเซดะ "ฉันไม่มีทางเลือก") และมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเมจิที่ผิดหวังจากการสอบเข้าที่วาเซดะ และเคโอ...
ส่วนในเกมเบสบอลและเกมรักบี้ที่น่าตื่นเต้นมากขึ้นในตอนเช้าตรู่ (นักศึกษาส่วนใหญ่จากมหาวิทยาลัยเมจิแข่งกับมหาวิทยาลัยวาเซดะ) จะเรียกว่า "เกมญี่ปุ่น-เกาหลี" และรุ่นพี่ของผมพูดว่า "ถ้าถือธงของวาเซดะให้ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง อย่าเดินไปมาใกล้ๆ อีกฝ่าย" ผมถูกเตือน เพราะดูเหมือนว่าธงอาจจะถูกเผาได้ แล้วอาจถูกเตะจากด้านหลัง ... และผมเดาว่าที่เขาบอกว่าเป็นเกมญี่ปุ่น-เกาหลีเพราะมันมี "เสียเลือด" กันด้วย มันสมจริงในสถานที่ที่ดูเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาเกมของกีฬา ...
ส่วนที่เมืองไทยสิ่งที่ผมอยากจะพูดคือ เมื่อเร็วๆ นี้มีเหตุการณ์การยิงที่ค่อนข้างร้ายแรงไม่ไกลตัวผม (ผมไม่สามารถให้รายละเอียดได้ ผมยังต้องการมีชีวิตที่ยืนยาว ... (ΦωΦ))
อย่างไรก็ตาม โดยพื้นฐานแล้ว ชีวิตในประเทศไทยนั้นสนุกและผมชอบชีวิตที่เมืองไทย แต่ก็ยังมีความเศร้าที่แตกต่างจากญี่ปุ่น สิ่งสําคัญคือต้องใช้เวลาทุกวันด้วยภาษาที่สุภาพและอ่อนน้อมโดยไม่ยุ่งกับผู้อื่นมากเกินไป เพื่อความผาสุก และมีความสุขในทุกวัน วันนี้เล่าสู่กันฟังครับ พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ