xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องน่ารักในญี่ปุ่นที่ฉันเจอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจาก https://omotenashi.work
คอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” โดย “ซาระซัง”

สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านที่รักทุกท่าน ฉันมีความทรงจำดี ๆ มากมายระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่น บางเรื่องก็เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยพบเห็นที่อื่น จะว่าเพราะเป็นญี่ปุ่นจึงได้รับความรู้สึกพิเศษแบบนี้ก็อาจไม่ผิดเท่าไหร่นัก สัปดาห์นี้จึงขอเล่าสักเล็กน้อยว่าญี่ปุ่นมีอะไรน่ารักที่ทำให้รู้สึกแสนดีบ้าง

แสดงความขอบคุณ

นานมาแล้วฉันนั่งรถที่เพื่อนขับเข้าซอยตอนกลางคืน มาถึงช่วงหนึ่งเจอรถขับสวนทางมา ต่างคนต่างหยุดให้กัน อีกฝ่ายเชื้อเชิญให้เพื่อนฉันไปก่อน ก่อนที่เพื่อนฉันจะขับออกไปก็กดแตรหนึ่งที ฉันสงสัยว่าทำไมกดแตร ก็เห็นว่าคนขับรถอีกคันหันมามอง เพื่อนฉันโค้งศีรษะให้เขา อีกฝ่ายจึงโค้งศีรษะตอบ ฉันเห็นแล้วทึ่งมากที่เพื่อนมารยาทดีมากและบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนขอบคุณที่เขาให้ทาง แม้อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ฉันก็ประทับใจมาจนทุกวันนี้

ฉันเห็นคนไทยเองเวลามีคนหยุดรถเพื่อให้ข้ามถนนไปก่อน หลายคนจะโค้งศีรษะหรือพูดขอบคุณเบา ๆ ให้คนขับเห็นเหมือนกัน เป็นอะไรที่เห็นแล้วรู้สึกว่าคนข้ามถนนน่ารักจัง ชวนให้มีอมยิ้มมีความสุขเล็ก ๆ เวลาขับรถ

ซ่อมรองเท้าฟรี

เมื่อก่อนฉันชอบใส่รองเท้าแตะส้นสูงของไทยที่คู่ละ 199 บาท ส้นมักจะแปะกับตัวรองเท้าไว้ด้วยกาวโดยไม่ได้เย็บ มันก็เลยหลุดออกง่าย วันหนึ่งตอนอยู่ญี่ปุ่นรองเท้ากับส้นแยกออกจากกันครึ่งหนึ่ง คล้ายตัวอะไรอ้าปากพงาบ ๆ ฉันจึงเอาไปซ่อมที่ร้านซ่อมรองเท้า ช่างซ่อมเห็นรองเท้าแล้วก็บอกว่าแบบนี้ทากาวไปเดี๋ยวก็หลุดอีกอยู่ดีแหละ จะเอาหรือ ฉันบอกว่าเอา เขาก็ให้นั่งรอ

ภาพจาก https://withnews.jp/
ร้านซ่อมรองเท้าของญี่ปุ่นมักมีพื้นที่เล็ก ๆ ให้นั่งรอ มีเก้าอี้นั่งคนละตัว มีรองเท้าสลิปเปอร์ให้ใส่รอไปก่อน รู้สึกว่าร้านใส่ใจลูกค้าดีจังที่ไม่ปล่อยให้เรานั่งกันเท้าเปล่า รู้สึกแปลกและเขินเหมือนกันที่มาใส่รองเท้าสลิปเปอร์อยู่ในที่สาธารณะแทนที่จะเป็นในบ้าน แต่ก็ยังดีกว่านั่งเท้าเปล่าอยู่ในที่สาธารณะมากนัก พอช่างซ่อมรองเท้าเสร็จก็เรียกฉันไปเอา พอจะจ่ายเงิน ช่างซ่อมก็ไม่รับ บอกว่าแค่ทากาวเองไม่ต้องหรอก ฉันเกรงใจจึงยืนยันว่าจะจ่าย แต่เขายืนยันว่าไม่รับเงิน ฉันก็เลยได้แต่โค้งศีรษะขอบคุณเขาด้วยความซึ้งใจ

ฉันเคยขี่จักรยานแล้วยางใกล้แบนอยู่ครั้งสองครั้ง มองหาร้านที่มีเครื่องสูบลม พอเข้าไปขอสูบลมยาง พนักงานก็มักใจดีสูบลมให้ฟรีโดยไม่คิดเงินเหมือนกัน

บริษัทห้างร้านไม่วางสายโทรศัพท์ใส่เรา

ที่ญี่ปุ่นนี้มีธรรมเนียมละเอียดอ่อนเกี่ยวกับโทรศัพท์อยู่อย่างหนึ่งคือ จะไม่มีการวางสายโครมใส่ใคร อย่างมากถ้าจะวางสายก่อน ก็จะเอานิ้วกดปุ่มวางสายที่เครื่องเบา ๆ แล้วค่อยวางหูตาม เท่าที่ฉันเจอบ่อยเวลาตัวเองโทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลก็คือ อีกฝ่ายมักจะรอจนเราวางสายไปก่อน แล้วเขาค่อยวางทีหลัง ในทางตรงกันข้ามก็เคยได้ยินมาว่า ถ้าเราเป็นผู้น้อยโทรหาผู้ใหญ่ ก็ควรรอจนกว่าอีกฝ่ายจะวางสายก่อนแล้วเราค่อยวางตาม

ภาพจาก https://the-right-manner.com
คนญี่ปุ่นบอกว่าเรื่องเล็กน้อยอย่างการวางหูโทรศัพท์ก็สร้างความรู้สึกที่แตกต่างได้มาก ซึ่งก็น่าจะจริงทีเดียวเพราะหลังจากย้ายจากญี่ปุ่นมาอยู่อเมริกาแล้ว เจอคนวางหูโครม ๆ ใส่อยู่บ่อยครั้งไม่เคยรู้สึกดีเลย

แจ้งเตือนรถคันอื่นเพื่อความปลอดภัย

ไม่กี่ปีก่อนฉันกับครอบครัวขับรถไปเที่ยวฮอกไกโดกัน ระหว่างจอดรถติดไฟแดงอยู่คราวหนึ่ง เห็นคนขับรถคันหน้าลงจากรถ พวกฉันก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ เห็นเขาเดินไปหารถคันที่อยู่ทางขวาพลางยิ้มให้คนขับ จากนั้นก็ทำท่าชี้ไปยังฝาเติมน้ำมันรถที่เปิดอยู่ แล้วเดินไปปิดให้ เสร็จแล้วยังหันมาทางรถฉันแล้วยิ้มให้ พร้อมยกมือขึ้นเป็นเชิงขอโทษอีกด้วย (เดาว่าคงขอโทษที่ทำให้กังวลใจว่าลงจากรถไปทำไม มีเหตุอะไรหรือเปล่ามั้งคะ) ก่อนจะกลับขึ้นรถตัวเองไปพร้อมกับไฟจราจรที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี

อาฉันนั่งอยู่ในรถด้วย เธอเพิ่งเคยมาญี่ปุ่นครั้งแรก เห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ้มพลางเอ่ยปากชมในน้ำใจและความน่ารักของคนขับรถคนนี้

พนักงานจากภายนอกไม่ใช้ลิฟต์ปะปนกับผู้อยู่อาศัย

อะพาร์ตเมนต์ที่ฉันอาศัยอยู่มีหลายชั้นและมีลิฟต์เล็ก ๆ เพียงสองตัว บางครั้งจึงรอลิฟต์กันนาน อีกทั้งเวลามีคนย้ายบ้านพนักงานขนของก็ต้องใช้ลิฟต์ตัวเดียวกัน ในญี่ปุ่นเวลามีคนย้ายบ้านจะสังเกตได้จากในลิฟต์ เพราะรอบด้านจะกั้นไว้ด้วยแผ่นพลาสติกลูกฟูก กันไม่ให้เครืองเรือนไปขูดขีดลิฟต์เป็นรอย บางทีก็แปะแผ่นพลาสติกไว้ด้านนอกด้วย

ภาพจาก https://hikkoshi-guide01.com
พนักงานขนของต้องใช้ลิฟต์ขึ้นลงหลายรอบ แต่ถ้าเขาเห็นว่ามีผู้อยู่อาศัยโดยสารลิฟต์อยู่ เขาจะรอให้ไปก่อน ไม่ขึ้นมาปะปน ถึงแม้ว่าบางทีเขาลงลิฟต์ไปตัวเปล่าโดยไม่ได้มีข้าวของเบียดเราก็ตาม แถมตอนเขาเชื้อเชิญให้เราไปก่อน ก็ยังโค้งศีรษะขออภัยที่รบกวนการใช้งานของผู้อยู่อาศัยในอะพาร์ตเมนต์ด้วย

ดูไปแล้วอาจจะคิดว่าไม่เห็นต้องถือสาอะไรขนาดนั้น แต่ความละเอียดอ่อนแบบนี้ก็ป้องกันไม่ให้ไปรบกวนกัน และทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่รู้สึกเคืองใจว่ารอลิฟต์นาน แล้วไปต่อว่าทางบริษัทย้ายบ้านเอาทีหลังได้

ผ้าคลุมตัก/ผ้าห่มฟรีฤดูหนาว

ไม่รู้เพราะอะไรสมัยก่อนตอนเห็นคนนั่งเก้าอี้แล้วมีผ้าคลุมตัก ฉันเคยเข้าใจผิดนึกว่าพวกเขาเป็นคนป่วยหรือทุพพลภาพเสียอีก ไปไหนมาไหนเห็นแบบนี้บ่อยเข้า ก็แปลกใจว่าทำไมญี่ปุ่นมีคนป่วยมากมายจัง จนวันหนึ่งถึงบางอ้อว่าเขาคลุมไว้กันหนาวต่างหาก ตอนนั้นก็ยังสงสัยอีกว่าถ้าจะกันหนาวทำไมไม่คลุมตัวแต่ไปคลุมตักนะ?

พอตัวเองได้มีโอกาสใช้ผ้าคลุมตักขึ้นมา ถึงได้เข้าใจว่ามันสร้างความแตกต่างได้มากเหลือเกินในฤดูหนาว เมื่อเอาผ้าคลุมตัก ท้อง และเข่าแล้ว มันรู้สึกอุ่นสบายมากจริง ๆ ผ้าคลุมตักจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งที่ต้องมี ฤดูหนาวฉันมักจะใช้ผ้าคลุมตักไว้เสมอเวลานั่งเก้าอี้หรือโซฟา

ภาพจาก https://www.linoelina.jp
คาเฟ่หรือร้านกาแฟซึ่งมีที่นั่งนอกอาคารบางแห่งก็มีผ้าคลุมตักให้บริการฟรีด้วยในฤดูหนาว เป็นผ้าหนานุ่ม พอเห็นแบบนี้แล้วจะดีใจมาก ไม่เพียงเท่านั้นโรงภาพยนตร์บางแห่งก็มีผ้าห่มให้ยืมฟรีด้วยนะคะ สามารถขอยืมได้จากเคาน์เตอร์ให้บริการ พอใช้เสร็จก็หยิบออกมาคืนพนักงานที่ยืนรอรับอยู่ด้วย เคยยืมมาครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นที่นั่งเป็นปรับเบาะเอนแทบจะนอนได้ แค่นั้นก็สบายจะแย่แล้วยังมีผ้าห่มให้อีก ถ้าหนังไม่สนุกอย่างน้อยก็ได้งีบหลับสบายอุราไปเลย

ป้ายทางออกสถานีรถไฟที่เข้าใจง่าย

ฉันไม่เคยรู้สึกขอบคุณญี่ปุ่นที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารรถไฟมากเท่ากับหลังจากตัวเองย้ายไปอยู่แถวนิวยอร์กแล้วเลย คือรถไฟใต้ดินของนิวยอร์กหาเจ้าหน้าที่ยาก เวลามีปัญหาจึงต้องช่วยเหลือตัวเองหรือถามคนอื่นเอา แถมกลางชานชาลาก็ไม่ค่อยมีป้ายบอกทางออก แต่ป้ายดันไปอยู่ตรงใกล้ทางออกแล้ว ฉะนั้นถ้าไปผิดทางก็ต้องเดินย้อนกลับไปอีกทิศตรงกันข้ามใหม่ ป้ายส่วนใหญ่จะบอกชื่อถนน แต่ไม่บอกว่าทางออกนั้น ๆ มีสถานที่ใดอยู่ใกล้บ้าง และไม่มีแผนที่ให้ดู

ภาพจาก https://blog.goo.ne.jp
ส่วนระบบรถไฟของกรุงโตเกียวเข้าใจง่ายและให้ความสะดวกแก่ผู้โดยสารมาก ไม่ว่าจะเป็นป้ายบอกทางออกป้ายใหญ่ ๆ ที่ตั้งไว้หลายจุดบนชานชาลา ทำให้พอเดินออกจากตู้รถไฟก็เห็นได้เลย แถมตัวหนังสือก็ใหญ่และบอกรายละเอียดเยอะ รถไฟบางสายมีป้ายบอกด้วยว่านั่งตู้โดยสารตู้ใดจึงอยู่ใกล้ทางออกของสถานีที่จะลง หรือตู้ไหนอยู่ใกล้บันได บันไดเลื่อน และลิฟต์ของสถานีที่จะลง เป็นต้น

นอกจากนี้เวลาลงรถไฟแล้วต้องไปต่อสายอื่นภายในสถานีเดียวกัน ก็มีป้ายบอกว่าสายที่ต้องการต่ออยู่ไกลออกไปกี่เมตร รวมทั้งมักมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ใกล้เครื่องตรวจบัตร เวลามีปัญหาจึงขอความช่วยเหลือง่าย ถ้าผ่านเครื่องตรวจบัตรแล้ว(เสียเงินไปแล้ว) เกิดรู้ตัวว่าขึ้นผิดสายหรือผิดชานชาลา ก็ขอเจ้าหน้าที่ออกได้ เจ้าหน้าที่จะคืนเงินให้เราด้วย

ป้ายบอกว่าแต่ละสายอยู่ห่างไปกี่เมตร ภาพจาก https://ja.foursquare.com
ไม่เพียงเท่านั้น สถานที่ให้บริการแก่ประชาชนไม่ว่าจะเป็นสำนักงานเขต พิพิธภัณฑ์ หรือร้านอาหาร ก็มักจะระบุอย่างละเอียดบนหน้าเว็บไซต์ว่า นั่งรถไฟสายไหนมาได้บ้าง ออกที่ทางออกใดจึงใกล้ เดินจากสถานีมาใช้เวลากี่นาที หรือมาโดยรถเมล์อย่างไร

ตามเมืองใหญ่อื่น ๆ หรือชนบทบางแห่งก็มีการอำนวยความสะดวกคล้ายกัน หรือไม่ก็มีรายละเอียดอื่นปลีกย่อยออกไปอีก การที่สถานที่แต่ละแห่งมีแก่ใจอำนวยความสะดวกต่อประชาชนเช่นนี้ ทำให้การไปไหนมาไหนในญี่ปุ่นโดยส่วนใหญ่จึงได้รับความสะดวกสบายมาก โดยสรุปแล้วความน่ารักและแสนดีที่พบเห็นในญี่ปุ่น ก็คงไม่พ้นมีที่มาจากความมีแก่ใจ และคิดถึงรู้สึกคนอื่นอันเป็นลักษณะเด่นของคนญี่ปุ่นนี้เองนะคะ

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีค่ะ.

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"ซาระซัง"  เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น”ที่ MGR Online ทุกวันอาทิตย์.



กำลังโหลดความคิดเห็น