คดีอาชญากรรมในญี่ปุ่นน้อยเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากผู้คน “อยู่บ้านหยุดเชื้อ” ในช่วงไวรัสโควิดระบาด แต่อาชญากรรมไซเบอร์ และความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มสูงขึ้น
สำนักงานตำรวจแห่งญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในปี 2563 จำนวนคดีอาชญากรรมในญี่ปุ่นลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และมีจำนวนน้อยที่สุดในรอบ 76 ปีหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 การปล้นทรัพย์และบุกรุกบ้านเรือนลดลงอย่างมาก เพราะผู้คนต่างอยู่บ้านในช่วงการระบาดของโควิด-19 อาชญากรรมตามท้องถนนก็ลดน้อยลง เพราะเจ้าหน้าที่เพิ่มการลาดตระเวนเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนงดออกนอกบ้านถ้าไม่จำเป็น
ในปี 2563 มีคดีอาชญากรรมในญี่ปุ่น 614,303 คดี ลดลง 17.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการลดลงอย่างมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วย
อาชญากรรมร้ายแรง เช่น การฆาตกรรม ลดลง 9.7% โดยมีเหตุเกิดขึ้น 8,934 คดี
อาชญากรมตามท้องถนน เช่น การฉกชิงวิ่งราว การลักขโมยจากตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติลดลง 27.0% เหลือ 199,282 คดี โดยเฉพาะในช่วงการประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิดเมื่อเดือนเมษายน ปีที่แล้ว ทำให้การก่อเหตุตามท้องถนนในเดือนพฤษภาคม ลดลงมากถึง 43.2% เพราะผู้คนต่างเก็บตัวอยู่กับบ้าน
อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งญี่ปุ่น พบว่า อาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้นมากกว่า 4% โดยพบว่าจำนวนการใช้อินเทอร์เน็ตพุ่งสูงกว่า 55% ต่อวัน เนื่องจากผู้คนทำงานที่บ้าน และใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจเปิดช่องให้เกิดการขโมยข้อมูล และหลอกลวงทางออนไลน์ได้
กรณีหลอกลวงที่พบบ่อยในญี่ปุ่น เช่น หลอกให้ผู้สูงอายุโอนเงินให้โดนหลอกว่าเป็นลูกหลานหรือญาติ และยังพบกรณีที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโรคโควิด เช่น หลอกว่าจะช่วยเหลือในการขอรับเงินจากรัฐบาล หรือหลอกเรื่องสิทธิพิเศษในการรับวัคซีนและตรวจการติดเชื้อโควิด เป็นต้น
นอกจากนี้ การปรึกษาเรื่องความรุนแรงในครอบครัวก็เพิ่มขึ้น ศูนย์ให้คำปรึกษาระบุว่า มีผู้แจ้งเรื่องความรุนแรงในครอบครัวมากถึง 106,960 กรณี เพิ่มขึ้น 8.9% จากปีก่อนหน้า และถือเป็นจำนวนที่สูงที่สุด นับตั้งแต่มีการรวบรวมสถิติเมื่อปี 2547
เจ้าหน้าที่ระบุว่า สมาชิกในครอบครัวมีเวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบ้านที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งความเครียดจากผลกระทบของการระบาดของโรคโควิด ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้น.
