เอเอฟพี/MGR Online – สื่อญี่ปุ่นคาด นายกฯ ชินโซ อาเบะ จะประกาศขึ้นภาษีการขายจาก 8% เป็น 10% ในการประชุม ครม.จันทร์นี้ (15) เพื่อบรรเทาปัญหาหนี้สาธารณะ ชี้สังคมผู้สูงอายุและจำนวนประชากรที่หดตัวลงจะฉุดเศรษฐกิจญี่ปุ่นต่อเนื่องไปอีก 40 ปี
วันจันทร์นี้ (15 ต.ค.) ทางการญี่ปุ่นเตรียมประกาศขึ้นภาษีการขาย (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) เป็นร้อยละ 10 โดยให้มีผลบังคับใช้ในปี 2562 หลังจากมีการเลื่อนประกาศมาหลายครั้ง โดยการขึ้นภาษีดังกล่าวก็เพื่อแก้ปัญหาหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาลของประเทศ
ญี่ปุ่นซึ่งปัจจุบันถือเป็นระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับสามของโลก มีสัดส่วนหนี้ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (debt to GDP) จำนวนมหาศาลกว่าร้อยละ 253 ของจีดีพี หรือคิดเป็นมูลค่าเกือบ 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้จากการกู้ยืมเงินภายในประเทศที่มีดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ
นักวิเคราะห์ระบุว่า การขึ้นภาษีการขายจากร้อยละ 8 เป็นร้อยละ 10 ถือว่ามีนัยยะสำคัญต่อการบรรเทาปัญหาค่าใช้จ่ายด้านประกันสังคมที่กลายเป็นภาระหนักอึ้งของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยเฉพาะในภาคของการสาธารณสุขเนื่องจากสังคมญี่ปุ่นถลำลึกเข้าไปในสังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว
หนังสือพิมพ์โยมิอุริ และจีจี้ เพรส ต่างรายงานตรงกันว่า นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ น่าจะประกาศการขึ้นภาษีการขายในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค.)
ทั้งนี้ระยะเวลาของการประกาศขึ้นภาษีการขายดังกล่าวเดิมทีกำหนดไว้เป็นเดือนตุลาคม 2558 แต่ก็มีการผ่อนผันมาตลอดอันเนื่องมาจากความหวั่นเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจอันเปราะบาง โดยครั้งล่าสุดที่มีการขึ้นภาษีการขายคือในเดือนเมษายน 2557 ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่ามีส่วนสำคัญในการฉุดให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตามครั้งนี้นายอาเบะ มีความมั่นใจว่าจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลที่ออกมาควบคู่ไปกับการประกาศขึ้นภาษีจะช่วยไม่ให้เกิดภาวะชะงักงันในการใช้จ่ายของผู้บริโภคดังเช่นที่เคยเกิดกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นหลังการขึ้นภาษีรอบที่แล้วอีก
ไม่นานมานี้นายกฯ อาเบะเพิ่งประกาศว่า การปฏิรูประบบประกันสังคม, กองทุนบำเหน็จบำนาญ และระบบประกันสุขภาพของญี่ปุ่น เป็นต้น ถือเป็นความท้าทายในอนาคตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเขาจะดำเนินการแก้ไขประเด็นเหล่านี้
ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา นางคริสตีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟได้ออกมาเตือนว่าความท้าทายใหญ่ของญี่ปุ่นคือ การที่ประชากรญี่ปุ่นมีอายุเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น และจำนวนประชากรก็ลดลง ทำให้ขนาดเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะหดตัวลงเรื่อย ๆ ทุกไตรมาสในช่วง 40 ปีข้างหน้า
ขณะเดียวกันการสูญเสียความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะสามารถจ่ายหนี้คืนได้อาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงในการล้มละลายของภาคธุรกิจ นี่เองทำให้บริษัทจัดอันดับความเชื่อมั่นหลายแห่งปรับลดเครดิตของญี่ปุ่นลงจากปัญหาเรื่องหนี้สาธารณะ
