xs
xsm
sm
md
lg

มายาปีศาจ ตอนที่ 24 สู้ศึกมายากล (ต่อ) ปีศาจพิโรธ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ

เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปเมื่อซันจิกับฟุมิโยะกลับมาที่เรือปีศาจเพียงสองคน มองแล้วอาจเป็นไปได้ว่านั่นคือกลลวงของอาเกจิ โคโงโรนักสืบเอกของเราที่หวังใช้สมุนโจรคนซื่อเป็นตัวนำเข้าไปจับตัวปีศาจฆาตกรให้ได้โดยละม่อม

มาดูทางด้านปีศาจมายากลที่เรารู้กันแล้วว่าคือนายโอคุมุระ เก็นโซผู้ถูกไฟแค้นสุมจนแทบเสียสติกันบ้าง ปีศาจร้ายดีใจเป็นล้นพ้นที่สามารถลักพาตัวทาเอโกะกลับมายังซ่องโจรได้สำเร็จ เก็นโซพาสาวน้อยเหยื่อล้างแค้นออกมาจากวังวนอเวจีใต้คฤหาสน์ซามูไรโบราณก่อนที่กองกำลังตำรวจจะเข้ามากู้ชีวิตนายทามามุระกับลูก จึงไม่ล่วงรู้ถึงความชุลมุนวุ่นวายที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ปีศาจร้ายฝังใจเชื่ออยู่อย่างเดียวว่าทุกคนตายจมน้ำตายอยู่ในวังวนอเวจีใต้ดิน

เก็นโซมั่นใจว่าช่องทางที่พาทาเอโกะเล็ดลอดออกมาจากห้องใต้ดินที่ถูกผนึกปิดตายนั้นเป็นช่องทางลับที่ไม่มีใครรู้และมิดชิดพอที่จะไม่มีใครสังเกตเห็น อีกทั้งเมื่อออกมาแล้วยังปิดไว้แน่นหนาที่สุดจนแน่ใจว่าใครจะบุกทลายเข้าไปไม่ได้โดยง่าย และมั่นใจด้วยว่าพ่อลูกทั้งสามต้องตายแน่เว้นแต่ว่าสวรรค์จะบันดาลให้เกิดปฏิหารย์ ไม่แปลกที่ปีศาจมายากลจะมั่นใจเช่นนั้น เพราะกับดักที่วางไว้เป็นช่องเป็นฉาก ตั้งแต่หุ่นไล่กาถือปืนเล็งจ้องออกมาจากช่องที่พื้นตู้เก็บเครื่องนอน ไปจนถึงประตูเหล็กที่ก่ออิฐกั้นไว้อีกชั้น เป็นอุปสรรคที่แน่นหนาแม้จะมีคนมาช่วยก็ไม่ทันเวลา สามพ่อลูกต้องตายแน่

ปีศาจฆาตกรเรียกสมุนโจรในเรือมาชุมนุมกันแล้วเริ่มดื่มฉลองชัยชนะ

“พวกเอ็งดีใจได้แล้ว ดื่มฉลองกันให้เต็มที่ ข้าล้างโคตรตามแผนที่วางไว้นานปีสำเร็จเสร็จสิ้นเสียที ไม่มีอะไรจะสุขใจเท่านี้อีกแล้ว เอาละ...ดื่มกันให้พอ เช้าวันพรุ่งนี้เราจะขึ้นฝั่งไปตรวจดูอีกทีว่าศัตรูของข้าตายหมดโคตรแล้ว จริง ๆ จะได้จบกันเสียที จากนั้นข้าก็จะพบพวกเอ็งออกทะเลไปขึ้นฝั่งไกลที่ไหนสักแห่งออกไปจากที่นี้ และแยกย้ายกันไปตามทางของเอ็ง ข้าต้องขอบใจพวกเอ็งทุกคนมาก และตั้งใจจะตอบแทนให้ไม่ต้องลำบากไปชั่วชีวิต ข้าจะพานางลูกสาวคนนี้ของนายทามามุระบินไปเมืองนอกด้วย” โอคุมุระ เก็นโซ แหงนหน้าหัวเราะเสียงก้อง “ดีใจ ข้าดีใจจริง ๆ ในที่สุดข้าก็ปลดภาระหนักที่สุดลงได้สำเร็จ เกิดมาไม่เคยดีใจเท่านี้มาก่อน”

ปีศาจฆาตกรพร่ำเพ้อพลางดื่มแชมเปญอั๊ก ๆ แก้วแล้วแก้วเล่าอยู่คนเดียว

สมุนโจรทุกคนพลอยครึกครื้นรื่นเริงกันทั่วหน้า พวกมันไม่ได้เคียดแค้นชิงชังคนในตระกูลทามามุระสักคน และก็ไม่ได้ดีใจอะไรกับการที่แผนฆาตกรรมของนายจ้างสำเร็จอย่างงดงาม ความดีใจอยู่ที่ปึกธนบัตรที่จะได้เป็นค่าจ้างต่างหาก ยังไม่ทันเมาพวกมันก็เห็นภาพของธนบัตรปึกใหญ่เด่นชัดขึ้นมาล่อตาเสียแล้ว

สมุนโจรไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางในความอาฆาตล้างแค้นของโอคุมุระ เก็นโซ พวกมันแต่ละคนล้วนเป็นผู้ร้ายที่เคยติดคุกติดตะรางมาแล้ว พร้อมที่จะก่อกรรมทำเข็ญทุกอย่างเพื่อเงิน ที่ยอมทำตามคำสั่งของปีศาจร้ายก็เพราะหวังสินจ้างรางวัลอย่างเดียว

พอเมาได้ที่เหล่าร้ายก็เริ่มร้องรำทำเพลงกันครื้นเครง ส่งเสียงเอะอะเอ็ดตะโรโดยไม่ต้องเกรงใจใครอยู่บนเรือที่ลอยตัวอยู่ไกลจากฝั่ง

ฟุมิโยะกับซันจิสมุนโจรคนซื่อขึ้นมาบนเรือขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสุดเหวี่ยง

“หัวหน้าขอรับ คุณหนูฟุมิโยะกลับมาแล้ว”

พอสมุนโจรคนหนึ่งเยี่ยมหน้าเข้ามารายงาน ใบหน้าของเก็นโซที่กำลังยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ก็เครียดลงทันที ก็น่าอยู่หรอกที่ปีศาจร้ายจะต้องเจ็บใจเจ็บใจเพราะลูกสาวตัวดีเข้ามาขัดขวางงานสำคัญไปเสียทุกขั้นตอน
แม่น้ำซุมิดะในอดีต
“ไปพาตัวเข้ามาในห้องนี้ ข้ามีอะไรจะพูดกับลูกนิดหน่อย ส่วนพวกเอ็งย้ายไปดื่มกันห้องอื่น”

“นายอย่าไปลงโทษคุณหนูเลยนะ วันนี้เป็นวันรื่นเริง ยกโทษให้กันเถิด”

ฤทธิ์สุราทำให้สมุนโจรคนหนึ่งสอดขึ้นด้วยความคะนองปาก หมายจะบอกเป็นนัยว่าให้สาวสวยเข้ามาช่วยรินเหล้าให้พวกมันที่นี่จะดีกว่า พวกมันรักฟุมิโยะลูกสาวคนสวยของนายกันทุกคน

“ไม่ต้องมาพูดดี ไม่มีการลงโทษอะไรทั้งนั้น พวกแกไปให้พ้น ข้ามีความลับที่จะต้องพูดกันสองต่อสองกับลูก”

พอเห็นหน้าแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์แชมเปญ เส้นเลือดที่ขมับโปนเด่นขึ้นมาเป็นขดเหมือนตัวไส้เดือน และตาแดงเรื่อเป็นประกายคมกริบของปีศาจร้าย เหล่าสมุนโจรก็หัวหดพากันถอยฉากออกไปจากห้อง เพราะต่างรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากไม่ทำตามคำสั่ง

คนที่เดินสวนเข้ามาคนเดียวคือฟุมิโยะ ลูกสาวที่เปรียบเสมือนหัวแก้วหัวแหวนของโอคุมุระ เก็นโซ

“แกไปไหนมา”

เก็นโซตะคอกเสียงเขียวกลิ่นเหล้าฟุ้งกระจาย

“หนูเข้าเมืองไปซื้อเครื่องสำอางค่ะพ่อ”

“ไม่ต้องมาโกหก ค่ำมืดอย่างนี้ร้านที่ไหนจะเปิด แกนัดพบกับไอ้อาเกจิใช่ไหม”

ปีศาจร้ายตีตรงจุดพร้อมกับทำตาถมึงทึงจ้องหน้าลูกสาวเขม็ง โดนเข้าจัง ๆ อย่างนี้ฟุมิโยะถึงกับชะงัก หน้าแดงและอึ้งไป

“พ่อพูดอะไรไม่รู้ จะเป็นยังงั้นได้ไง”

“ดูทำหน้าเข้าซิ แค่นี้หางก็โผล่ออกมาแล้ว สารภาพออกมาเสียดี ๆ ว่าไปไหนมา อ้อ...ใช่ซิ ห้องนี้เอง ห้องเดียวกันนี่แหละที่แกปล่อยให้เจ้านักสืบจอมป่วนคนนั้นหนีออกไป”

ยิ่งพูดปีศาจร้ายก็ยิ่งบันดาลโทสะ แผนเสียงก้องกังวานไปทั่วห้อง กำหมัดแน่นหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก พอรู้สึกตัวว่ามือขวากำแก้วเหล้าอยู่ก็ขว้างมันเต็มแรงหวังให้ถูกตัวลูกสาว แต่พลาดไปกระทบผนังห้องดังเปรื่อง แก้วแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ

ฟุมิโยะร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ และพอจะวิ่งหนีก็ถูกพ่อจับแขนฉุดเอาไว้แล้วเหวี่ยงลงไปกลิ้งอยู่กับพื้นห้องด้วยกำลังแรง ฉวยแซ่หนังเส้นเรียวบางที่แขวนอยู่กับผนังมาฟาดควับ ๆ ลงไปที่ร่างเล็กบอบบางไม่ยั้งมือด้วยความโกรธแค้นสุดขีด

“บอกมาเสียดี ๆ นางลูกทรยศ รักไอ้หมอนั่นมากงั้นรึถึงได้กล้าดีมาขวางทางฉัน แกไปทำอะไรมาอีก บอกมาเดี๋ยวนี้” ปีศาจฟาดแซ่หนังในมือลงไปอย่างไร้ปรานี พลางตะคอกขู่เสียงกราดเกรี้ยว แซ่เส้นเรียวบาดเนื้อนวลที่ต้นขาฟุมิโยะให้เจ็บแปลบราวถูกเฉี่ยวด้วยปลายมีดคม

“พ่อ...ถึงจะเป็นพ่อ หนูก็ร่วมมือทำอะไรร้ายกาจผิดมนุษย์มนาอย่างนั้นไม่ได้หรอก หนูทำไม่ได้”

ฟุมิโยะกลั้นความเจ็บปวดร้องเถียงเสียงแข็งสวนออกไป ขณะจ้องหน้าพ่อเขม็ง

“หนอยแน่ นางลูกชั่ว ทำปากกล้าพูดดีนัก เดี๋ยวก็รู้”

เก็นโซคำรามก้อง ตาวาวด้วยโทสะที่รุนแรงถึงขีดสุด ชายใจมารเหวี่ยงแซ่ทิ้งไปทางหนึ่งก่อนรี่เข้าไปยกส้นเท้าในรองเท้าหนังหนาหนักกระทืบลงไปบนท้องของลูกสาวผู้เคราะห์ร้ายเต็มแรง

ฟุมิโยะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้วนิ่งไปไม่ไหวติง เก็นโซกำลังเมาจึงทำไปอย่างไม่ได้ออมแรง แต่ครั้นเห็นลูกสาวสลบก็ตกใจได้สติขึ้นมาบ้าง แต่ปีศาจร้ายใจเหี้ยมก็แต่ชายตาดูแวบเดียวไม่ได้ทำพิรี้พิไร

“เป็นไงล่ะ อวดดีนักใช่ไหม เอาละทีนี้ต้องจัดการกับไอ้คนพานางนี่ขึ้นบก เฮ้ย...ใครอยู่ตรงนั้น พาตัวเจ้าซันจิมาหาข้าเดี๋ยวนี้ จิกหัวมันมาเร็ว”

สมุนโจรได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของนายก็กรูกันเข้ามาเยี่ยมหน้าดูภายในห้อง และพอเห็นลูกสาวนายนอนสลบแน่นิ่งอยู่บนพื้น ก็หน้าซีดยืนนิ่งกันไปหมด ทุกคนรู้นิสัยนายของมันดีว่ามีวิธีลงโทษคนทำผิดที่โหดร้ายทารุณเพียงใด

“เจ้าซันจิไปไหน ลากตัวมันมา”

พอได้ยินสมุนโจรก็ผลุบหัวออกไปทำตามคำสั่ง แต่ไม่นานก็ทำหน้าแปลก ๆ เข้ามารายงานว่า

“นายขอรับ เจ้าซันจิหายหัวไปไหนไม่รู้ ที่ห้องเครื่องก็ไม่มี ที่ห้องเก็บของก็ไม่มี”

“อะไรนะ หาตัวมันไม่เจอรึ เป็นไปได้ยังไง แล้วเรือเล็กล่ะ”

“เรือเล็กยังอยู่ขอรับ”

“มันคงไม่กล้ากระโดดน้ำหนีไป เอาละข้าจะไปหาเอง ถ้าจับได้ว่าใครช่วยซ่อนตัวมันไว้ละก็จะได้เห็นดีกัน ข้าไม่เอาไว้แน่” เก็นโซโกรธมากอยู่แล้วที่ลูกสาวสลบไปทั้ง ๆ ที่ยังคาดคั้นไม่ได้เรื่อง แล้วพอเรียกหาตัวเจ้าสมุนตัวดีมาเอาเรื่องให้ถึงที่สุดก็หายตัวไปอย่างนี้ ปีศาจร้ายถึงกับหัวหมุนเพราะเลือดฉีดขึ้นสมองจนร้อนฉ่าไปหมดผสมกับความเมามาย พอออกเดินจึงขาจึงปัดเป๋ต้องหยุดยืนตั้งหลักอยู่อึดใจหนึ่ง

ปีศาจมายากลออกเดินหาตัวเจ้าซันจิที่ต้องสงสัยว่าทรยศไปทั่วเรือ ฝ่ายเหล่าสมุนโจรจะเฉยอยู่ก็ไม่เหมาะจึงพากันถือไฟฉายเดินตามไปเป็นขบวน แต่หาเท่าไรก็ไม่พบ

จอมโจรสบถหยาบคายก่อนกัดฟันพูดด้วยความแค้น “ดีแล้ว มันรู้ตัวว่าผิด แต่ข้าไม่ปล่อยให้ซ่อนอยู่นานหรอก ไว้รุ่งเช้าเถอะก็จะรู้ว่ายังมีเงาหัวอยู่อีกไหม” ว่าแล้วก็สบถต่ออีกยืดยาว ประเคนกำปั้นทุบฝ่ามือแรง ๆ ระบายอารมณ์พลุ่งพล่านเหลือระงับ ขณะเดินตึง ๆ กลับไปที่ห้องเดิม แต่พอก้าวเข้าไปได้แค่ก้าวเดียวก็ต้องตกตะลึงร้องลั่น

เจ้าซันจิอยู่ในห้องนี้เอง ก็ไม่แปลกหรอกที่จะหาไม่เจอ มันคงจะซุ่มคุมเชิงอยู่และพอได้จังหวะที่จอมโจรปึงปังออกไปจากห้องมันก็สวนเข้าไปดูอาการฟุมิโยะที่เป็นลมล้มสลบอยู่ด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้ลูกสาวโจรฟื้นแล้วและกำลังกระซิบกระซาบอะไรอยู่กับเจ้าซันจิ

เก็นโซปีศาจร้ายปากคอสั่นด้วยความโกรธจนพูดอะไรไม่ออกอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะระเบิดออกมาราวกับเสียงฟ้าคำราม

“ไอ้ซันจิ ข้าสั่งว่ายังไง สั่งให้เฝ้านางนี่ไว้ให้ดีไม่ใช่รึ หนอยแน่ ถือดียังไงถึงได้บังอาจขัดคำสั่งข้า ปล่อยให้ขึ้นบกไปได้”

และยังไม่ทันสิ้นเสียงดีก็เงื้อหมัดกระโจนเข้าใส่เจ้าซันจิสุดตัวหวังตบให้ล้มกลิ้ง แต่อีกฝ่ายระวังตัวตั้งรับอยู่แล้วจึงเอี้ยวตัวหลบฉับพลันแล้วยืนนิ่งหน้าตาเฉย ปล่อยให้จอมโจรเสียหลักคว้าอากาศเข้าเต็มรัก

เจ้าซันจิใส่ชุดกรรมกรสกปรกขะมุกขะมอม ใบหน้าที่โผล่พ้นออกมาจากกระบังหมวกผ้าที่ยับเยินไม่มีรูปทรงนั้นเปื้อนคราบน้ำมันเครื่องดำมอมแมม ปีศาจร้ายอดเอะใจไม่ได้ว่าเจ้าซันจิที่ปกติเงียบหงิมทำไมวันนี้ถึงได้อหังการลุกขึ้นมาทำท่าเหิมเกริมกับนายของมันเช่นนี้ จึงตวาดเสียงเกรี้ยว

“เอ็งไปมีดีมาจากไหน คิดกำเริบจะมาสู้กับข้ารึยังไง”

อีกฝ่ายทำหน้าเฉยไม่ไยไพกับเสียงก้องกัมปนาทราวกับฟ้าร้อง

แปลก...นี่มันเกิดอะไรขึ้น นี่มันไม่ใช่เจ้าซันจิที่ข้ารู้จัก...มันไม่ใช่

แสงสว่างภายในห้องมีเพียงแสงสลัวจากตะเกียงน้ำมัน อีกทั้งใบหน้าของอีกฝ่ายยังอยู่ในเงามืดเห็นได้ไม่ชัด เก็นโซจอมโจรเอื้อมมือไปกระชากหมวกผ้าออกจากหัวเจ้าซันจิในทันใด เผยให้เห็นใบหน้าที่ถูกกระบังหมวกบังเอาไว้

“เฮ้ย แก แกเป็นใคร”

เก็นโซร้องลั่นเหมือนคนเสียสติ...ก็...ก็มันไม่ใช่เจ้าซันจิ เสื้อผ้าน่ะใช่แต่คนที่สวมใส่อยู่นั่นมันไม่ใช่

คนแปลกหน้าที่ถูกจับตัวจริงได้หัวเราะด้วยความขบขัน

“อย่าบอกนะว่าลืมกันไปแล้ว”

“ใคร แกคือใคร บอกมาเดี๋ยวนี้”

เก็นโซหน้าซีดแทบจะหายเมา ยืนทรงตัวแทบจะไม่อยู่

“ดูดี ๆ ซิ ฉันยังไงล่ะ”

ปีศาจมายากลเขม้นมอง และแล้วใบหน้าที่แท้จริงภายใต้ความมอมแมมก็ค่อย ๆ เด่นชัดขึ้น ผมยุ่งเหยิง ใบหน้าคมสัน และตาเป็นประกายเฉียบแหลมคู่นั้น จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก มัน...มัน

“อาเกจิ โคโงโร”

เก็นโซเอ่ยออกมาเหมือนเสียงกระซิบ

“ในที่สุดโอกาสที่ฉันรอคอยก็มาถึง คราวนี้ไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือไปได้แน่นอน” นักสืบเอกพูดเจือหัวเราะ ก่อนพลิกตัวฉับไวไปที่ประตูห้อง ปิดล็อกแน่นหนาแล้วยืนจังก้าขวางเอาไว้ เตรียมป้องกันไม่ให้เหล่าสมุนโจรเข้ามาขัดขวาง ตรงหน้าประตูไม่มีใครเพราะคงยังแยกย้ายกันหาตัวเจ้าซันจิ

ดวงตาฉายแสงประกายร้อนแรงแทบจะลุกเป็นไฟสองคู่ประสานกันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ นี่เป็นการประจันหน้ากันครั้งที่สามระหว่างนักสืบเอกผู้เป็นธรรมกับปีศาจฆาตกรใจเหี้ยมโหดฝ่ายอธรรม ภายในห้องระอุไปด้วยเพลิงแค้นที่จะต้องประหัตประหารกันให้มอดไหม้ไปข้างหนึ่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น