xs
xsm
sm
md
lg

มายาปีศาจ ตอนที่ 24 สู้ศึกมายากล – สาวน้อยล่องหน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตปลุกเร้าความอาฆาตให้คุกรุ่นอยู่ในใจของปีศาจฆาตกรมานานเป็นสิบ ๆ ปี ระหว่างที่มันวางแผนล้างแค้นแยบยลด้วยด้วยกมลสันดานของคนใจโหดเหี้ยมจนเป็นรูปเป็นร่างพร้อมลงมือ แต่เมื่อตรองดูให้ดีจะเห็นว่าคนในครอบครัวทามามุระที่มันจองล้างจองผลาญนั้น ไม่ได้เคยทำร้าย ประสงค์ร้าย หรือแม้แต่จะล่วงรู้ถึงความเกี่ยวข้องกับตัวมันเองแม้แต่น้อย แม้คนรุ่นพ่อรุ่นปู่จะทำไม่ดีเอาไว้กับพ่อของมันสมัยที่เป็นหนุ่มคะนอง แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนรุ่นลูกรุ่นหลานทุกคนจะต้องรับผิดชอบด้วยการถูกคุกคามอาฆาตเช่นนี้

ถึงนายทามามุระจะปลงตกในที่สุด ยอมตัวตกเป็นเหยื่ออาฆาตกรรมเก่าที่พ่อของตนได้ก่อเอาไว้ แต่ก็ต้องทุกข์ทรมานใจแสนสาหัสเมื่อลูกชายหญิงอันเป็นที่รักสุดหัวใจทั้งสามผู้บริสุทธิ์ต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย มันโหดร้ายเกินไป ใจของเขาแทบสลายไปแล้วครั้งหนึ่งตอนที่อิจิโรและทาเอโกะถูกปีศาจฆาตกรคุกคามทำร้ายจนบาดเจ็บเจียนตายโดยไม่รู้สาเหตุมาก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ใกล้ชิดกับครอบครัวของเขาถึงสองคนต้องสูญเสียชีวิตไปในแผนอาฆาตล้างแค้นของปีศาจฆาตกร คนหนึ่งคือโทกุจิโร น้องชายร่วมสายโลหิตของเขาที่ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมที่สุด และฮานาโซโนะ โยโกะ คนรักของอิชิโรที่ถูกฆ่าหั่นศพเป็นท่อน ๆ

ไม่นึกเลยว่าความอาฆาตของปีศาจร้ายจะรุนแรงถึงเพียงนี้ นี่มันตั้งใจฆ่าล้างโคตรกันเลยทีเดียว...ไม่ใช่ซิ ไม่ใช่ครอบครัวทามามุระเท่านั้น มันยื่นมืออำมะหิตเข้าไปคุกคามคนใกล้ชิดกับตระกูล และคร่าชีวิตคนสองคนไปแล้วด้วยความโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ มันเป็นฆาตกรจิตวิปลาสโดยแท้ ไม่รู้ว่าจะมีปัญญาก่อกรรมทำเข็ญต่อไปได้อีกนานเท่าใด

อย่า...อย่าเพิ่งสิ้นหวัง กฎแห่งธรรมชาติยุติธรรมกว่าที่เราคิด แม้แต่แผนเลวร้ายชั่วช้าที่วางไว้แนบเนียนขนาดไหน ย่อมมีจุดบอดอยู่ที่ไหนสักแห่งรอให้ใครสักคนพบมัน ไม่เว้นแม้แต่ปีศาจฆาตกรตนนี้

ฟุมิโยะคือไส้ศึกตัวสำคัญ เธอแอบได้ยินแผนชั่วร้ายวางกับดักสี่พ่อลูกให้จมน้ำตายอยู่ในห้องใต้ดิน จึงลอบหนีจากเรือที่ทอดสมออยู่ตรงปากแม่น้ำซุมิดะ รีบเร่งไปแจ้งเหตุฉุกเฉินรุนแรงแก่อาเกจิ โคโงโร นักสืบเอกชนเลืองนาม แล้วรับอาสานำทางไปยังคฤหาสน์ซามุไรซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ

นักสืบรูปงามโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉินไปยังสารวัตรนามิโคชิ แห่งแผนกสืบสวนและปราบปราม สำนักงานตำรวจกรุงโตเกียว ทันทีที่ได้ข่าวสารวัตรสิงห์มือปราบก็ระดมกำลังโดยเรียกตำรวจนักสืบร่วมทีมและแจ้งตำรวจท้องที่รวมกำลังกันรีบรุดมายังคฤหาสน์ทามามุระโดยเร็ว พอมาถึงเสมียนของนายทามามุระที่ตามมาและคอยอยู่นายของเขาอยู่ในอีกห้องหนึ่งก็เข้ามาสมทบเพื่อช่วยชีวิตผู้เคราะห์ร้าย

หลังผ่านพ้นกลลวงถ่วงเวลาของปีศาจออกมาได้ คณะกู้ภัยก็วิ่งแข่งกันลงบันไดมุ่งไปยังห้องใต้ดิน แต่ก็ต้องชะงักงันอยู่ที่เชิงบันไดนั้นเองเมื่อพบกับกำแพงอิฐแน่นหนาที่ก่อซ้อนทับประตูเหล็กอยู่ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่มีทางที่จะบุกทะลวงเข้าไปในห้องใต้ดินได้โดยง่าย

ถ้าคนมาช่วยมีเพียงคนสองคนคงช่วยสี่พ่อลูกทามามุระให้รอดชีวิตออกมาไม่ได้เป็นแน่ แต่พลังที่คนกลุ่มใหญ่ขนาดนั้นระดมเข้าใส่สิ่งกีดขวางอันแข็งแกร่งนั้นช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก แต่ละคนคว้าเครื่องไม้เครื่องมือเท่าที่จะหาได้ ประเคนเข้าใส่รอยต่อระหว่างก้อนอิฐ พลางใช้เท้าถีบสำทับเข้าไป ไม่มีใครหยุดพักจนเหงื่อท่วมตัวทั้ง ๆ ที่อากาศหนาวเย็น ไม่นานก็สามารถทำลายกำแพงอิฐ และทำลายกุญแจล็อกประตูเหล็กขาดสะบั้น

พอบานประตูถูกเปิดออกน้ำก็ทะลักทะลายออกมาด้วยพลังแรง จนตำรวจที่อยู่แถวหน้าถูกน้ำถาโถมเข้าใส่ด้วยกำลังแรงจนเสียหลักตัวลอยตามกระแสน้ำไปชนกับโคนบันไดให้แตกตื่นกันไปครู่สั้น ๆ แต่ในที่สุดก็สามารถช่วยนายทามามุระกับลูกชายทั้งสองให้รอดชีวิตออกมาได้

ตอนที่ช่วยกันหามขึ้นมาที่ห้องข้างบน ทั้งสามนอนนิ่งไม่ไหวติงเหมือนตายไปแล้ว แต่หลังจากช่วยกันปฐมพยาบาล จุดเตาผิง ต้มน้ำให้ความอบอุ่น ไม่นานนายทามามุระ อิจิโร และจิโร ซึ่งปกติเป็นคนร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว ก็ฟื้นตัวมีเรี่ยวมีแรงขึ้นเป็นปกติ

นายทามามุระถามถึงลูกสาวอันเป็นที่รักเป็นคำแรกหลังฟื้นคืนสติ

“ทาเอโกะ...ทาเอโกะเป็นยังไงบ้าง”

และพอได้ยินว่าไม่มีใครพบทาเอโกะ เขาก็รีบวิ่งกลับลงไปที่ห้องใต้ดินและค้นหาจ้าละหวั่นทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา...ทาเอโกะหายตัวไปได้อย่างไร ประตูปิดแข็งแรงซ้อนสองชั้นออกอย่างนั้น จะว่าหนีออกไปทางช่องที่น้ำตกลงมาก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ต่อให้ผู้ชายร่างกายแข็งแรงขนาดไหนก็ไม่มีทางทำได้

ทาเอโกะหายไปไหน...ไม่ใช่ซิ ไม่ใช่ทาเอโกะคนเดียว โอคุมุระ เก็นโซ ปีศาจอาฆาตก็หนีหายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้ติดตาม ยิ่งกว่านั้นอาเกจินักสืบเอกกับฟุมิโยะลูกสาวของปีศาจก็หายตัวไปด้วยทั้งสองคน หาเท่าไร ๆ ก็ไม่พบ

เมื่อหมดห่วงทางด้านนายทามามุระและลูกชายที่รอดตายออกมาจากห้องใต้ดินแล้ว คราวนี้เรามาติดตามไปดูกันดีกว่าว่าอาเกจิกับฟุมิโยะไปทำอะไรอยู่ที่ไหน

พอเสร็จภารกิจกู้ภัยนักสืบเอกก็ไม่นิ่งเฉย เขารู้สึกก่อนใคร ๆ ว่าทาเอโกะหายไปจึงถามฟุมิโยะที่น่าจะรู้ความใน

“นึกออกแล้ว ฉันได้ยินพวกสมุนโจรปรึกษากันว่าจะช่วยทาเอโกะออกมาจากห้องใต้ดินคนเดียว แล้วพาไปที่เรือ”

“สงสัยจริงว่าพวกนั้นพาทาเอโกะหนีออกจากห้องใต้ดินได้อย่างไร มีช่องทางอะไรออกไปจากที่นั่นรึ”

“ค่ะ...ฉันรู้ ที่ผนังห้องใต้ดินมีประตูกลเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ หลังบานประตูเป็นอุโมงค์ทางเดินเข้าออกระหว่างตัวคฤหาสน์กับทุ่งหญ้านอกกำแพงรั้ว”

นักสืบอาเกจิลงไปตรวจดูก็พบประตูเล็ก ๆ ที่ผนังเปิดเข้าหาตัวเหมือนประตูตู้เซฟ ซึ่งต้องเป็นช่องทางที่ปีศาจฆาตกรพาทาเอโกะออกไปจากห้องใต้ดิน โดยที่พ่อกับพี่ชายทั้งสองของเธอที่กำลังเผชิญกับภัยน้ำท่วมไม่ทันสังเกต

“นำทางไปเดี๋ยวนี้เลย น่าจะบอกผมเร็ว ๆ”

อาเกจิต่อว่าแต่ฟุมิโยะนิ่ง เรื่องช่องทางลับนี้เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็ยังทำใจให้บอกไม่ได้เพราะไม่แน่ใจว่าพ่อหนีไปแล้วหรืออาจยังซ่อนตัวอยู่ในนั้นก็เป็นได้ ถึงจะตั้งใจทำดีเพื่อความถูกต้อง เพื่อความรัก แต่จะมีลูกสาวคนใดบ้างไหมที่จะขายพ่อแท้ ๆ ของตนเองได้โดยไม่ลังเล

ฟุมิโยะนึกน้อยใจที่อาเกจิช่างไม่มีแก่ใจที่จะคิดบ้างเลยว่าเธอต้องทุกข์ระทมกับการกระทำของพ่อตนเอง แต่เมื่อเรื่องบานปลายมาถึงขนาดนี้ มันสายเกินไปแล้วที่จะลุกขึ้นมาปกป้องพ่อ เธอจะทำอะไรได้นอกจากปล่อยให้มันเลยตามเลยไป

“ค่ะ ฉันจะนำทางไป” ฟุมิโยะตอบเสียงเศร้า

ตรงปากทางมีหญ้าขึ้นเต็มมองเผิน ๆ แทบไม่รู้ว่าจะมีช่องทางเดินซ่อนอยู่ ทั้งสองแหวกพงหญ้าแล้วใช้ไฟฉายที่เตรียมมาส่องทางขณะคลานเข้าไปในอุโมงค์ ไม่มีใครอยู่ในนั้นดังที่ได้คาดไว้

“เอ๊ะ ใครทำอะไรตกไว้”

ฟุมิโยะอุทานพลางหยิบกิ๊ปติดผมสีเงินอันหนึ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ไม่เคยเห็นมาก่อนแต่คิดว่าน่าจะเป็นของทาเอโกะ

“ทาเอโกะถูกพามาทางนี้จริงด้วย ป่านนี้คงจะพาไปถึงเรือแล้ว เราไปที่เรือกันดีกว่า ผมคิดว่าเรือยังอยู่ที่เดิม ไม่ออกทะเลไปโดยทิ้งคุณไว้อย่างนี้ ช่วยพาผมไปที่เรือทีเถิด”

“ได้ค่ะ ฉันตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ว่าคุณคนเดียว...”

“อะไรกัน...ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น เราต้องรีบกันแล้ว ขืนเอาแต่ละล้าละลังจะสายเกินการ ผมทำงานคนเดียวง่ายกว่ามากันเป็นโขยง ผมวางแผนไว้พร้อมแล้ว เราไปกันเถอะ”

สองหนุ่มสาวจูงมือกันออกมาที่ถนนใหญ่ เรียกรถแท็กซี่เร่งรุดไปที่ปากแม่น้ำซุมิดะ ฟุมิโยะบอกให้รถแท็กซี่จอดตรงที่ว่างเวิ้งว้างไร้ผู้คนริมฝั่งทะเลสึกิชิมะ แสงไฟสลัว ๆ บนเรือช่วยระบุตำแหน่งเรือยนต์ขนาดเล็กลำหนึ่งลอยลำอยู่ไกล ๆ นอกเส้นทางเดินเรือของบริเวณปากแม่น้ำ

“คุณมีรหัสสัญญาณอะไรหรือเปล่า”

อาเกจิถามเพราะคิดว่าการจะไปถึงเรือลำนั้นได้จะต้องเรียกเรือเล็กให้มารับ ซึ่งแน่นอนว่าปีศาจฆาตกรจะต้องกำหนดรหัสลับเอาไว้ส่งถึงกัน

“มีค่ะ” ฟุมิโยะตอบแล้วหยิบกล่องไม้ขีดไฟออกมาจากกระเป๋า จุดไฟโบกไปมาสองสามครั้งแล้วโยนก้านไม้ขีดที่มอดแล้วลงทะเล

รออยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นเรือพายเล็ก ๆ ลำหนึ่งแล่นเข้ามาใกล้ชายฝั่ง อาเกจิเบี่ยงตัวหลบเข้าไปในหลืบที่ทำนบกั้นน้ำฉับพลัน

“ฟุมิจัง ใช่ไหม” เสียงห้าว ๆ ถามขึ้นมาจากเรือเล็ก

“ใช่...ซันจิรึ”

“ใช่ นายใหญ่กลับมาแล้ว ถามหาฟุมิจัง แล้วก็ค้นเรือใหญ่เลย”

“พ่อกลับมาคนเดียวรึ”

“เปล่า มากับยายคุณหนูคนนั้น”

แม้เสียงของสมุนโจรจะแหบต่ำ แต่นักสืบอาเกจิก็จับได้ทุกถ้อยคำ

“ซันจิ ขึ้นมาบนนี้หน่อยได้ไหม ฉันมีของ”

ฟุมิโยะพยายามให้ซันจิขึ้นมาบนบกตามที่ได้เตี๊ยมกันไว้กับอาเกจิ

“ของรึ ไปซื้ออะไรมาอีกล่ะ”

ซันจิคนซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ผูกเชือกโยงเรือไว้กับเสาแล้ววิ่งขึ้นบันไดหินมา

“ฟุมิจัง ไหนล่ะของ”

“นี่ไง”

“อะไร อยู่ที่ไหน”

เงาดำโผล่ขึ้นมาจากหลืบทำนบกั้นน้ำทะเล

“แก...”

“ฮะ ฮ้า ไม่ต้องตกใจ ถ้าแกไม่ส่งเสียงเอะอะ ฉันก็ไม่ยิง”

นักสืบอาเกจิพูดเสียงเรียบมีกังวาน มือขวาถือปืนวาววับเล็งปากกระบอกไปที่หน้าอกของซันจิ


กำลังโหลดความคิดเห็น