“คิมจองอึน” ผู้นำเกาหลีเหนือเดินหมากการทูตโลกตะลึง ไม่เพียงแต่จะพบกับผู้นำจีน,เกาหลีใต้ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ แต่ยังระบุว่าพร้อมจะพบกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อะเบะของญี่ปุ่นด้วย โดยมีกำหนดการในเดือนมิถุนายนนี้
หนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุนของญี่ปุ่นอ้างอิงแหล่งข่าวจากพรรคแรงงานเกาหลีเหนือว่า ในเอกสารที่แจกจ่ายให้คณะกรรมกลางของพรรคศึกษาได้อ้างอิงถึงทักษะด้านการทูตของนายคิมจองอึนที่วางนโยบายต่างประเทศต่อเกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น และรัสเซีย
ผู้นำเกาหลีเหนือจะพบกับผู้นำเกาหลีใต้ในวันที่ 27 เมษายน ณ สถานที่แห่งหนึ่งในหมู่บ้านพันมุนจ็อมฝั่งเกาหลีใต้ หลังจากนั้นจะพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ราวปลายเดือนพฤษภาคม และมุ่งหวังจะพบกับนายกฯชินโซ อะเบะของญี่ปุ่นราวต้นเดือนมิถุนายน ณ กรุงเปียงยาง
เอกสารของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือระบุว่า หลังจากนายคิมจองอึนเป็นผู้นำคนใหม่ของโสมแดงเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2011 ก็มีแนวคิดจะพบกับผู้นำญี่ปุ่น โดยได้มีการติดต่อกับฝ่ายญี่ปุ่นผ่านทางสมาคมชาวเกาหลีผู้พำนักในญี่ปุ่น ซึ่งทำหน้าที่เป็นเหมือนสถานทูตเกาหลีเหนือในญี่ปุ่นอย่างไม่เป็นทางการ เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม เอกสารของฝ่ายเกาหลีเหนือไม่ได้พูดถึงการดำเนินการต่อโครงการขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และการลักพาตัวชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางการญี่ปุ่นให้ความสำคัญมากที่สุด
สื่อของทางการเกาหลีเหนือโจมตีญี่ปุ่นมากขึ้นหลังจากนายคิมจองอึนประสบความสำเร็จการเจรจากับเกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา และเดินทางไปพบกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน ซึ่งเป็นรูปแบบที่ฝ่ายโสมแดงมักใช้เพื่อ “ตีปลาหน้าไซ” กดดันให้ญี่ปุ่นยอมเจรจาด้วย
เกาหลีเหนือประเมินว่าสหรัฐคือประเทศที่จะรับประกันด้านความมั่นคงให้กับตนเอง ส่วนญี่ปุ่นเป็นประเทศที่จะช่วยเหลือเกาหลีเหนือด้านเงินทอง โดยคาดว่าเกาหลีเหนือจะเรียก “ค่าคุ้มครอง” เป็นความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากญี่ปุ่นมูลค่าสูงถึง 20,000 ล้านถึง 50,000 ล้านดอลลาห์สหรัฐ เพื่อแลกกับการปรับความสัมพันธ์เข้าสู่ระดับปกติ
ทั้งนี้ นายอะเบะวางแผนจะจะพบหารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ในวันที่ 18 เมษายน ที่รัฐฟลอริดาของสหรัฐเพื่อหารือก่อนหน้าการประชุมสุดยอดที่จะมีขึ้นเป็นครั้งแรกระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ
ผู้นำญี่ปุ่นจะยืนยันข้อตกลงระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐเมื่อก่อนหน้านี้ ที่จะเพิ่มการกดดันต่อเกาหลีเหนือให้มากที่สุด จนกว่าเกาหลีเหนือจะล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของตนโดยสิ้นเชิงในลักษณะที่สามารถตรวจสอบได้และจะไม่กลับมาเป็นเช่นเดิมอีก.