xs
xsm
sm
md
lg

คุณนายไข่มุก ตอนที่ 22 รักสามเส้า (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน...?"

มินะโกะตกใจเอามาก ๆ ที่ชายหนุ่มออกปากชวนไปเดินเล่นสองต่อสอง เพราะตลอดสี่ห้าวันที่ผ่านมาสองหนุ่มสาวไม่เคยนั่งลงสนทนากันเลยแม้แต่ช่วงสั้น ๆ แล้วอยู่ ๆ อีกฝ่ายมาชวนออกไปเดินเล่นเช่นนี้จะไม่ให้สาวน้อยตกใจได้อย่างไร ไม่แปลกหรอกที่มินะโกะจะไม่อาจให้คำตอบได้ทันที ได้แต่เบิกตากว้างกลมโต และสาละวนอยู่กับการระงับอกใจที่เต้นระทึกไม่เป็นจังหวะ

ชายหนุ่มคงจะคิดว่าที่มินะโกะตอบช้านั้นคงเป็นเพราะคำชวนของเขาทำให้เธออึกอักทำตัวไม่ถูก เขารู้ตัวเหมือนกันที่ออกจะชวนอย่างผลีผลามไปหน่อย จึงพูดออกตัวว่า

“คุณคงไม่ไป งั้นผมจะออกไปคนเดียว เพราะตอนเย็น ๆ ใกล้ค่ำอย่างนี้รู้สึกว่าจะให้นั่งเฉย ๆ อยู่ในห้องไม่ได้เสียแล้ว”

ชายหนุ่มพูดพลางตั้งท่าจะเดินออกไปจากห้อง ส่วนทางด้านมินะโกะนั้นเล่าไม่มีใครรู้หรอกว่าคำชวนของชายหนุ่มทำให้จิตใจอ่อนไหวของเธอลิงโลกขึ้นเพียงใด ไม่มีใครรู้หรอกว่าจิตใจของมินะโกะจะเร่าร้อนเพียงใด และมีความสุขเพียงใดเมื่อได้เดินเคียงคู่กันไปตามลำพังสองต่อสองกับชายหนุ่ม เธอเสียดายที่พลาดโอกาสตอบคำชวนครั้งแรกของชายหนุ่มด้วยอารามตื่นเต้น และเฝ้ารอว่าเมื่อไรชายหนุ่มจะชวนซ้ำอีก คราวนี้แหละมินะโกะจะตามเขาไปโดยไม่มีเงื่อนไขเลยทีเดียว

ทว่า ชายหนุ่มอ่านใจมินะโกะไม่ออก ไม่คิดด้วยว่าที่สาวน้อยไม่ตอบคำชวนของเขานั้นเพราะความขัดเขินและต้องไว้ตัวนิด ๆ ตามประสาผู้หญิง เลยชักขัดใจคิดว่ารู้อย่างนี้ไม่ชวนดีกว่า แล้วเดินกัง ๆ ออกจากห้องไป

มินะโกะมองตามหลังชายหนุ่มที่เดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยว เหมือนกับปล่อยให้โอกาสทองที่หาอีกไม่ได้ง่าย ๆ หลุดมือไปชั่วนิรันดร์กาล มินะโกะเริ่มโทษใจตนเองที่ไร้สมรรถภาพจนแม้แต่จะตอบคำชวนของชายหนุ่มก็ยังทำไม่ได้ และยิ่งคิดว่าการที่เธอไม่ตอบคำชวนอาจทำให้คนชวนน้อยใจขึ้นมาบ้างแม้เพียงน้อยนิด สาวน้อยก็เริ่มป่วนใจจนนั่งลุกไม่เป็นสุข

หลังจากคิดอยู่นาทีสองนาที มินะโกะก็ทนนั่ง ๆ ลุก ๆ อยู่ต่อไปไม่ได้จึงเดินออกจากห้องพักไปอีกคน เธอเดิน เร็ว ๆ ไปตามระเบียงทางเดินที่ยาวเหยียด พอไปถึงห้องโถงทางเข้าโรงแรมก็รีบสวมรองเท้าแตะที่มีเตรียมไว้วิ่งออกไปข้างนอกท่ามกลางความมืดสลัวของยามค่ำในฤดูร้อน

สาวน้อยกวาดตามองไปรอบ ๆ ลานกว้างหน้าทางเข้าโรงแรมที่ประดับประดาด้วยน้ำพุเย็นฉ่ำ แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาที่น่าจะเป็นของคน ๆ นั้นจึงเดินเลยไปทางมิยะโนะชิตะ มินะโกะรู้ว่าชายหนุ่มเดินไปทางไหน ใจเธอเต้นระทึกขณะเร่งฝีเท้ามุ่งไปที่โซะโกะคุระ

เมืองอนเซ็นยามย่ำค่ำในฤดูร้อนมีผู้คนเดินไปมาคึกคัก มองไปทางโน้นเห็นคนนั้นน่าจะใช่แต่พอเข้าไปใกล้กลายเป็นชายหนุ่มที่ไหนไม่รู้ไม่เคยรู้จัก มินะโกะเดินผ่านความคึกคักของมิยะโนะชิตะไกลออกไปทางด้านหน้าผาซึ่งสงบเงียบขึ้นทุกที เธอมองไปทางด้านซ้ายก็พบใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มที่เธอตามหา เขากำลังยืนดูหนุ่มแถวนั้นเล่นหมากรุกกันอยู่ใต้ชายคาร้านตัดผม

หัวใจของมินะโกะสั่นไหวไม่เป็นส่ำขณะเดินเข้าไปใกล้ แต่เธอก็รวบรวมความกล้าที่มีอยู่ทั้งหมดเดินเข้าไปถึงตัวเขาจนได้

“อยู่ที่นี่เองหรือคะ ดิฉันตามออกมาเดินเล่นด้วย เพราะคุณแม่ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา”

“เธอบอกเขาด้วยเสียงเล็ก ๆ เบาหวิว และขาดเป็นช่วง ๆ ชายหนุ่มตกใจหันขวับมามอง ชายหนุ่มตกใจ ไม่นึกว่าคำชวนของเขาจะมีพลังจูงใจสาวน้อยน่ารักคนนี้ได้มากขนาดนี้ รู้สึกเหมือนก้อนหินที่เขวี้ยงลงไปในน้ำเพิ่งส่งเสียงดังสะท้อนขึ้นมาเมื่อเกือบลืมมันไปแล้ว...ตกใจแต่ก็รู้สึกดี

“งั้นเดินไปด้วยกันดีไหม”

ชายหนุ่มชวนพร้อมกับออกเดิน มินะโกะเดินตามโดยทิ้งระยะห่างพอประมาณ อกใจเปี่ยมไปด้วยความสุขเหมือนล่องลอยอยู่ในความฝัน จนเท้าแทบไม่แตะพื้นดิน

4

ตอนแรก ๆ ที่เดินไปด้วยกันไม่มีใครพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว สำหรับมินะโกะนี่เป็นการเดินกับผู้ชายสองต่อสองเป็นครั้งแรก ทั้งยังเป็นชายหนุ่มที่เธอรู้สึกลึก ๆ ต่อเขา ดังนั้นมันจึงไม่ใช่การเดินเล่นเย็นใจอย่างที่ใคร ๆ เขาเดินผ่อนอารมณ์กัน ส่วนชายหนุ่มเองก็ได้แต่เดินไปเงียบ ๆ

สองหนุ่มสาวเดินเร็วจนเรียกไม่ได้ว่าเป็นการเดินเล่น ทั้งยังไม่มีจุดหมายด้วยว่ากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน

น้ำในลำธารก้นหุบเขาไหลแรงกระทบโขดหินกระเซ็นเป็นละอองเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่อากาศยามค่ำ ความเย็นจากละอองน้ำทำให้มินะโกะในชุดกิโมโนหน้าร้อนรู้สึกเย็นจนเกือบหนาว

ยิ่งเห็นชายหนุ่มก้าวงุด ๆ ไปข้างหน้าไม่มีทีท่าว่าจะปริปาก มินะโกะก็ยิ่งไม่สบายใจ เริ่มวิตกว่าเขาอาจไม่พอใจที่เธอตามออกมาเดินด้วย การตัดสินใจตามเขาออกมาอย่างนี้อาจทำให้ดูเป็นคนใจเบา คิดแล้วก็เริ่มเสียใจที่ไม่น่าตามเขามาเลย

แต่พอเดินมาอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำจะโกะสึที่ไหลคั่นระหว่างโซะโกะคุระกับคิงะ ชายหนุ่มก็พูดขึ้นเป็นครั้งแรกขณะแหงนหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ดูนั่นซี พระจันทร์กำลังขึ้น”

มินะโกะกำลังก้มหน้าก้มตาเดินอยู่ พอได้ยินดังนั้นจึงหยุดเดินและแหงนดูท้องฟ้าตามไปด้วย

ดวงจันทร์ทอแสงแจ่มกระจ่างอยู่เหนือเทือกเขาสูงเสียดฟ้าไกลออกไปจากฝั่งแม่น้ำฮะยะคะวะ

“ต๊าย สวยจัง”
มินะโกะเผลอตัวอุทานออกมา

“พระจันทร์ขึ้นสิบห้าค่ำกระมังถึงได้งามเช่นนี้ ท้องฟ้าก็กระจ่างแจ่มใส เทียบไม่ได้กับท้องฟ้าโตเกียวที่ขุ่นมัว อย่างนี้กระมังที่เขาเรียกว่าท้องฟ้าสีมรกต”

ชายหนุ่มพูดพลางเพลินมองท้องฟ้า มินะโกะพลอยมองฟ้ากว้างตามสายตาของเขาไปด้วย ท้องฟ้าเหนือ ฮาโกเน่ยามค่ำคืนฤดูร้อนแจ่มใสงดงาม

“ท้องฟ้างามเหลือเกินค่ะ”

มินะโกะเอ่ยเอื้อนความรู้สึกจากใจจริงราวกับเพิ่งหลุดพ้นจากคำสาปให้ต้องอยู่ในความเงียบตลอดมา

“ครับ ฟ้าสวยจริง ๆ ไม่เหมือนท้องฟ้าโตเกียวที่คลุ้งไปด้วยขี้เถ้าและหมอกควัน”

“ท้องฟ้าที่นี่ดูราวกับจะสะท้อนความเขียวชอุ่มของภูเขานะคะ”

มินะโกะพูดด้วยความสบายใจมากขึ้น

“ใช่ครับ ท้องฟ้าที่นี่สะท้อนความเขียวชอุ่มของภูเขาจริง ๆ”

ชายหนุ่มทวนคำของมินะโกะ ทั้งสองเดินต่อไปเงียบ ๆ แต่เป็นความเงียบที่ผ่อนคลายไม่แข็งเกร็งเหมือนเมื่อครู่ก่อน ความรู้สึกรื่นรมย์กับความงามของธรรมชาติรอบข้างช่วยทำลายกำแพงกั้นใจของสองหนุ่มสาวออกไปบ้าง มินะโกะเกิดความมั่นใจในตัวเองว่าสามารถพูดคุยอย่างสนิทสนมกับชายหนุ่มได้แล้ว ฝ่ายชายหนุ่มเองก็ดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกสนิทสนมกับมินะโกะขึ้นมาบ้าง

สองคนที่รักษาระยะห่างกันพอควรนั้น เข้ามาเดินเคียงกันไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรและใครเป็นคนเดินชิดเข้ามา

มินะโกะมีเรื่องอยากคุยกับชายหนุ่มมากมาย แต่ไม่สามารถเรียบเรียงความคิดออกมาเป็นคำพูดดี ๆ ได้ จึงได้แต่พะวักพะวนอยู่อย่างนั้น

“ใช่ ๆ ผมมีอะไรอยากพูดกับคุณอย่างหนึ่ง แต่หาโอกาสไม่ได้สักที”

ชายหนุ่มทำท่าราวกับกำลังจะพูดเรื่องสำคัญ ทำให้จิตใจอันอ่อนไหวของสาวน้อยตื่นตระหนกขึ้นมา

5

มินะโกะใจเต้นโครมคราม ไม่รู้อีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมา ชายหนุ่มอ้ำอึ้งอยู่นิดหนึ่งเหมือนกับเป็นเรื่องอะไรที่พูดยาก แต่ก็ตัดใจเอ่ยออกมาได้ในที่สุด

“ผมคิดจะขอบคุณ ๆ ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแต่พลาดโอกาสเลยยืดเยื้อตลอดมา ตอนนั้นขอบคุณมากนะครับ”

แก้มขาวนวลของเขาดูเหมือนจะแดงเรื่อขึ้นนิด ๆ ขณะพูด มินะโกะเองก็แก้มร้อนผ่าวไปเหมือนกันเมื่อได้รับคำขอบคุณที่เธอนึกไม่ออกว่าเนื่องมาจากอะไร สาวน้อยจำไม่ได้เลยว่าเคยทำอะไรที่ควรได้รับคำขอบคุณให้ชายหนุ่มผู้นี้

“ตายจริง อะไรหรือคะ ดิฉัน...”

มินะโกะเบิกตาโต

“ลืมไปแล้วหรือครับ ผมต้องขอบใจคุณมาก ๆ เลย ลืมแล้วจริง ๆ หรือครับ ลืมที่ตอนขามาผมจะไม่ยอมขึ้นรถให้ได้แล้วรึ” เขาหัวเราะขัน ๆ “มาคิดดูตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองจะขี้ขลาดเกินไปหน่อย ก็สมแล้วที่คุณแม่คุณจะเอาเรื่องนี้มาแหย่ผมไม่หยุด แต่ตอนนั้นบอกตรง ๆ ว่าผมกลัวจริง ๆ มันรู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ และคุณนายโชดะ คุณแม่คุณก็ใจร้าย ยิ่งผมกลัวมากแค่ไหนเธอก็ยิ่งแกล้งผมหนักเพียงนั้น ตอนนั้นผมกำลังจะตายอยู่แล้ว คำพูดของคุณเหมือนพระมาโปรดเลยจริง ๆ แต่คิดดูอีกทีผมมันขี้ขลาดเต็มที ทำอะไรไม่เข้าท่าให้คุณเห็น”

ชายหนุ่มพูดเหมือนติดตลก แต่คำขอบคุณเท่านั้นที่ฟังออกว่ามาจากใจจริง

“อะไรกันคะ เรื่องแค่นั้น ที่พูดออกไปก็เพราะดิฉันอยากขึ้นรถไฟจริง ๆ นะคะ”

มินะโกะหน้าแดงขณะค้านคำพูดของชายหนุ่ม แต่ใจเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข

“ผมทึ่งการวางตัวของคุณตอนนั้นมากเลย คือถ้าทำตัวเข้าข้างผมอย่างชัด ๆ ผมก็จะอายด้วยและคุณแม่คุณก็ต้องดื้อรั้นไม่ยอมทำตามนั้น แต่นี่คุณเสนออย่างซื่อ ๆ เป็นธรรมชาติเหลือเกิน จนคุณนายโชดะยังต้องเห็นชอบด้วยทันที ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่าคุณนายโชดะเป็นผู้หญิงที่ฉลาดเฉียบแหลมมากอย่างไม่มีใครเกิน แต่พอเห็นการวางตัวของคุณตอนนั้น ผมจึงรู้ว่าในโลกเรานี้นอกจากคนฉลาดเฉียบแหลมอย่างคุณนายโชดะแล้ว ยังมีคนฉลาดเฉียบแหลมแบบกุลสตรีแท้ ๆ อยู่ด้วย”

“ตายละ พูดอะไรอย่างนั้น ดิฉันอายแย่”

มินะโกะพูดพลางยกแขนเสื้อกิโมโนขึ้นบังหน้า ด้วยท่าทีแช่มช้อยเป็นผู้หญิงไปทั้งตัว ขณะที่หัวใจพองโตจนแทบปริเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยความปิติเมื่อได้รับคำชมจากชายหนุ่มที่เธอรู้สึกดีด้วย

แสงจันทร์สาดส่องมาบนทางที่สองหนุ่มสาวกำลังเดินเคียงกันไป สว่างพอให้ใบหน้าคมคายขาวนวลของชายหนุ่มได้ชัดเจน และลอบเห็นเขาชายตาดำขลับเป็นประกายมาทางเธอบ่อย ๆ

ทั้งสองไม่ใช่หนุ่มสาวคนเดิมเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนอีกต่อไป หัวใจทั้งสองที่เคยอยู่ห่างไกลกันกำลังไขว่คว้าหากันอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองเดินไปด้วยกันเงียบ ๆ แต่ถึงจะเงียบแต่หัวใจก็สื่อถึงกัน

“เดินต่อไปอีกได้ไหมครับ”

ชายหนุ่มทำลายความเงียบขึ้นเมื่อเดินผ่านคิงะไปจนใกล้ถึงมิยะงิโนะ

“ได้ค่ะ”

มินะโกะตอบสั้น ๆ ทั้ง ๆ ที่ใจจริงอยากจะบอกว่า “ไปถึงไหนก็ได้ ถ้าไปกับเธอ”
6

ระหว่างเดินเลียบลำน้ำมิยะคะวะจากคิงะไปจนถึงมิยะงิโนะ หนุ่มสาวทั้งสองสนทนาถามตอบกันเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นเรื่อย ๆ

ความเป็นกุลสตรีอ่อนช้อยสมเป็นสาวพรหมจารีย์ของมินะโกะดูเหมือนจะจับใจชายหนุ่มไม่น้อย และในเวลาเดียวกันความงามสง่า อุปนิสัยอ่อนโยนตรงไปตรงมาสมกับความเป็นผู้ดีมีสกุลของชายหนุ่มก็ยิ่งกัดกินใจมินะโกะลึกซึ้งลงไปอีก

เมื่อมาถึงสะพานมิยะงิโนะ หุบเขาค่อย ๆ ตื้นขึ้น ใต้สะพานมีระหัดวิดน้ำหมุนดังกึงกังเป็นจังหวะ ดวงจันทร์คล้อยเคลื่อนสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า สาดแสงสว่างนวลไปทั่วขุนเขา ลำน้ำ ป่า และหมู่ไม้ หนุ่มสาวทั้งสองยืนพิงราวสะพาน ดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติยามราตรีอันสุดแสนรื่นรมย์ของฮาโกเน่ อยู่นานเท่านาน

ความเร่าร้อนในใจของมินะโกะที่มีต่อชายหนุ่มเพิ่มสูงขึ้นทุกขณะราวทะเลยามน้ำขึ้นท่วมท้นล้นฝั่ง สาวน้อยไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้กับชายใดมาก่อน ความไว้เนื้อเชื่อใจและความรักเทิดทูนบูชาประดังเข้ามาเต็มตื้นอยู่ในอก

การสนทนาพาดพิงมาถึงเรื่องส่วนตัวของมินะโกะเมื่อไรไม่รู้ และสาวน้อยก็ได้เล่าเรื่องน่าเศร้าของพี่ชายเธอให้เขาฟัง

“ใช่ ๆ ผมเคยได้ยินมาบ้าง พอพี่ชายเป็นไปอย่างนั้น ก็เท่ากับว่าคุณไม่พ่อแม่พี่น้องเหลืออยู่เลยสักคนเดียว”

คำพูดชายหนุ่มเปี่ยมล้นไปด้วยความเห็นใจ ทำเอามินะโกะอดน้ำตาซึมกับความหวังดีของเขาไม่ได้

“คุณแม่ดีกับดิฉันมาก ดูแลทำอะไร ๆ ให้เหมือนเป็นแม่แท้ ๆ เป็นพี่สาวแท้ ๆ ถึงอย่างนั้นดิฉันก็ยังอยากมีพี่ชายหรือพี่สาวจริง ๆ สักคนหนึ่งที่จะเป็นที่พึ่งทางใจ แต่นี่ไม่มีใครสักคน”

มินะโกะเผยใจจริงที่ไม่เคยให้ใครล่วงรู้มาก่อน

“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดี” ชายหนุ่มดูเหมือนจะสะเทือนใจกับเรื่องราวของคู่สนทนา

“ก่อนหน้านี้ผมเองไม่เคยรู้สึกรู้สมกับความรักพี่รักน้องอะไรมากนัก จนกระทั่งสูญเสียพี่ชายไปจึงได้เข้าใจถึงคุณค่าของพี่น้องร่วมสายโลหิต แต่สำหรับคุณ...” ชายหนุ่มชะงักนิดหนึ่ง ก่อนพูดต่อไปว่า

“ผมคิดว่าถ้าแต่งงานไป ความเหงาอย่างตอนนี้ก็จะหายไปเอง”

“แต่งงานหรือคะ ดิฉันยังไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลย”

มินะโกะรีบปฏิเสธอย่างเขินอาย

“หมายความว่าจะยังไม่แต่งงานไปอีกนานอย่างนั้นหรือครับ”

ไม่รู้ว่าทำไมชายหนุ่มจึงได้ถามย้ำอีก

“ดิฉันยังไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ค่ะ”

มินะโกะปฏิเสธแข็งขันทั้ง ๆ ที่ใจปั่นป่วนเหลือแสน และพอถามตนเองว่าทำไมเขาถึงถามซ้ำถึงสองครั้งสองหน ใบหน้าของสาวน้อยก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอีก อกใจเบิกบานอย่างบอกไม่ถูก

มินะโกะไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มถึงใส่ใจกับการแต่งงานของตนขนาดนั้น แต่พอเดาถึงสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาพูดเช่นนั้นขึ้นมาได้ สมองของเธอก็ปั่นป่วนร้อนเร่าราวเป็นบ้า

มินะโกะรู้สึกเหมือนกำลังจับไข้ พูดออกมาอย่างลืมตัวว่า

“แต่งงานหรือคะ แต่งงานกับผู้หญิงอย่างดิฉัน กับผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง หรือคะ”

เสียงของมินะโกะสั่นไหวด้วยความเขินอาย แล้วก็พลอยสั่นไปทั้งตัว


กำลังโหลดความคิดเห็น