xs
xsm
sm
md
lg

คุณนายไข่มุก ตอนที่ 19 คำแก้ตัวของเจ้าหล่อน (ต่อ 2)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"

นักการศึกษาหรือนักคิดบางคน ยังช่วยสนับสนุนแนวคิดยกชายเป็นใหญ่ พร่ำสั่งสอนแต่ผู้หญิงให้รักษาความบริสุทธิ์ ให้รักษาเกียติศักดิ์เกียรติภูมิของความเป็นสตรี อย่าริเที่ยวผู้ชาย เรื่องพวกนี้ถึงจะเทศนากันจนปากหัก ดิฉันก็ไม่มีวันคล้อยตาม มันเป็นความคิดของพวกผู้ชาย เป็นการเอาแต่ใจตนเองของพวกผู้ชายทั้งนั้น อย่างที่เห็นในสมุดบันทึกของคุณอะโอะกิเล่มนี้แหละ”

คุณนายโฉมงามพรั่งพรูคำพูดประทุร้อนแรงราวดอกไม้ไฟ สะท้อนความรู้สึกขัดเคืองแค้นใจที่เก็บอัดไว้ในอกออกมา ราวกับจะระบายให้หมดสิ้นไปในทีเดียว

“มนุษย์ฆ่าเสือ เขาก็เรียกกันว่ากีฬาล่าสัตว์ เป็นความบันเทิงชั้นสูงสำหรับสุภาพบุรุษ แต่พอเสือฆ่าคน มันจะถูกตราหน้าประนามว่าเป็นเดียรัจฉานที่ดุร้ายป่าเถื่อน ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งมนุษย์คิดเอาแต่ดีฝ่ายเดียว เอาใจตัวเป็นที่ตั้งกันทั้งนั้น เปรียบดังชายกับหญิงในสังคมทุกวันนี้ ผู้ชายเที่ยวผู้หญิงใคร ๆ ก็เห็นเป็นเรื่องธรรมดา จะมีเมียน้อย นางบำเรอ จะเล่นรักเล่นชู้กับดารา หรือว่าจะเริงรมย์กับนางโลม ใครจะทำไม แต่คนพวกนี้แหละพอเห็นผู้หญิงออกเที่ยวกับผู้ชายบ้าง พบปะสนุกสนานกันบ้าง ก็กลับตามหน้าประนามหาว่าเป็นนางโลม บ้างอะไรบ้างแล้วแต่จะสรรหาถ้อยคำบาดหูมาหยามเหยียดกัน นั้นคือความเห็นแก่ตัวของผู้ชาย เอาแต่ใจตนเป็นที่ตั้ง โดยไม่แยแสว่าใครจะเป็นยังไง ฉันเองตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่าจะต่อต้านผู้ชายเอาแต่ใจตัวพวกนี้จนถึงที่สุด”

เจ้าหล่อนหยุดนิดหนึ่ง ก่อนพูดต่อด้วยเสียงที่เฉียบขาดหนักแน่นว่า

“กรณีของคุณอะโอะกิก็เป็นเช่นนั้น คุณและคนอื่น ๆ กำลังจะโยนความรับผิดชอบทั้งหมดมาที่ดิฉัน กล่าวหาว่าดิฉันหว่านเสน่ห์ลวงใจคุณอะโอะกิผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องให้ลุ่มหลง แต่ดิฉันจะบอกให้ว่านาฬิกาเรือนนี้ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจให้คุณอะโอะกิตั้งแต่ต้นนะคะ แต่ให้เพราะอดรนทนไม่ได้ที่เพียรขออยู่หลายครั้งเต็มที แต่เรื่องนี้ไม่เห็นมีอยู่ในบันทึกสักคำเดียว เพราะอย่างนี้ดิฉันถึงได้ว่าเขาหลงตัวเองเอามาก ๆ และเอาใจตัวอย่างร้ายเลยทีเดียว

และที่เขาเขียนถึงการฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้งนั่นก็เหมือนกัน ดิฉันมองว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงอารมณ์เพ้อ ๆ อะไรอยู่ด้านเดียว นี่ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ วันนี้คุณอาจได้พบเขาที่ห้องรับแขกของดิฉันก็เป็นได้ แต่ถ้าเขาเกิดคิดฆ่าตัวตายขึ้นมาจริง ๆ การมาตีความให้ดิฉันรับผิดชอบคนเดียวอย่างนี้ ดิฉันต้องขอให้กรุณาถอนคำพูดเสียเดี๋ยวนี้

จะให้ดิฉันรับผิดชอบไปจนถึงความอ่อนแอของเขานั้นคงทำไม่ได้ คนที่ฆ่าตัวตายเพราะแค่หลงละเมอไปกับการเล่นรักกับดิฉันอย่างนั้น บอกตรง ๆ เลยว่าเป็นคนไม่มีจิตวิญญาณของลูกผู้ชายเอาเลย ถึงเขาจะไม่ฆ่าตัวตายเพราะเกิดปัญหากับดิฉันครั้ง แต่สักวันหนึ่งคงต้องมีเหตุอะไรที่ทำให้เขาฆ่าตัวตายจนได้ ดิฉันคิดว่าเขาเป็นคนแบบนี้แหละ”

ขณะที่ฟังเจ้าหล่อนพูด ชินอิชิโรสงบลงพอจะนิ่งฟังแล้วรู้สึกได้ว่านั่นไม่ใช่คำพูดลอย ๆ เพียงเพื่อปัดเรื่องไม่พึงประสงค์นี้ให้พ้น ๆ ไป และนี่เป็นอีกครั้งที่ชินอิชิโรรู้สึกทึ่งในความมีปัญญาเฉียบคมไม่แพ้ชายและการพูดจาเหน็บแนมอย่างฉลาดของแม่ม่ายโฉมงามคนนี้ และยอมรับว่าเจ้าหล่อนคือผู้หญิงยุคใหม่ที่จิตใจเข้มแข็งแกร่งกล้าพอที่จะต่อสู้กับผู้ชายไม่ว่าหน้าไหน

ความโกรธเปลี่ยนเป็นความนับถือไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไรแล้ว ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว่าตนเองช่างโฉดเขลาเหลือเกินที่ไปกล่าวหาว่าร้ายคุณนายโฉมงามที่กำลังพยายามเจาะช่องหนีออกมาจากกรอบศีลธรรมยุคโบราณ โดยที่ตนเองเป็นหนึ่งในบรรดาที่ขังตัวเองอยู่ในกรอบอันแน่นหนานั้น

นึกย้อนไปอีกที...ท่าทีที่เจ้าหล่อนแสดงต่อผู้ชายที่มาล้อมรอบราวหมู่ภมรร่อนชมดอกไม้งามนั้น ไม่มีอะไรส่อให้เห็นว่าเป็นการหว่านเสน่ห์เพื่อความสำราญในเชิงเพศสัมพันธ์ ไม่มีการใส่จริตออดอ้อนให้ชายต้องเข้ามาปกป้องอย่างเช่นหญิงที่บอบบาง แต่คุณนายรุริโกะวางทรงสง่ามีราศรี สะท้อนให้เห็นความเป็นคนมีอุดมการณ์ มีความคิดที่มั่นคง

“ดิฉันอยากทำให้ผู้ชายตระหนักว่า อะไรที่ผู้ชายทำได้ ผู้หญิงก็ทำได้เช่นกัน อยากชี้ให้ผู้ชายเห็นกันชัด ๆ ว่าในเมื่อผู้ชายเล่นรักกับผู้หญิงได้โดยไม่มีปัญหา ผู้หญิงก็เล่นรักกับผู้ชายได้โดยไม่มีปัญหาอะไรเหมือนกัน

ดิฉันคืดที่จะอุทิศตนเพื่อทำให้พวกผู้ชายสำนึกผิดและได้รับโทษในการกระทำอันโหดเหี้ยมและเห็นแก่ตัว อยากล้างแค้นให้แก่ผู้หญิงที่ตกอยู่ในสภาพเป็นของเล่นของพวกผู้ชาย และต้องอยู่อย่างซากศพมีชีวิต ความจริงแล้ว ดิฉันเองอาจเป็นซากศพมีชีวิตคนหนึ่งก็ได้”

คุณนายรุริโกะก้มหน้าลงน้อย ๆ ขณะพูด ชินอิชิโรคิดว่าเขาเห็นสีแห่งความเศร้าเคลื่อนผ่านใบหน้างามที่เคร่งเครียดอยู่นั้นแวบหนึ่ง

6

หัวใจของชินอิชิโรสั่นไหวไปกับอารมณ์อันร้อนแรงและสุดท้ายผ่อนอ่อนลงเป็นเกือบเศร้าของแม่ม่ายสาวโฉมงาม ชายหนุ่มนึกละอายที่ตนหลงคิดติเตียนเจ้าหล่อนจากจุดยืนในกรอบของศีลธรรมจรรยาและประเพณี โดยไม่ได้คำนึงถึงสถานภาพที่แท้จริงของเจ้าหล่อน แม่ม่าย...ใช่...รุริโกะต้องเดินไปตามหนทางสายเดียวของแม่ม่ายไม่มีใครอาจนำพาให้ลดเลี้ยวไปยังทางอื่น ซึ่งเธอก็คงทำใจได้นานมาแล้ว

“คุณนาย นี่เป็นครั้งแรกที่เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของคุณนาย ผมไม่อาจเห็นด้วยกับความคิดเช่นนั้น แต่ผมก็เข้าใจ และต้องขอโทษที่พูดจาไม่บังควร ผมรู้แล้วว่าการเข้าไปยุ่งกับการดำรงชีวิตของคุณนาย บอกให้ทำนั่นทำนี่นั้นเป็นการกระทำที่โง่เขลา แต่คุณนายขอรับ ก่อนที่จะขอตัวลากลับ ผมมีเรื่องหนึ่งที่อยากขอร้อง คุณนายจะรับฟังสักนิดได้ไหม”

“อะไรหรือคะ ถ้าดิฉันทำได้ก็ไม่รังเกียจที่จะรับฟัง”

แม้ชินอิชิโรจะเข้าใจความรู้สึกของคุณนายรุริโกะดีและพร้อมที่จะปรองดองกันอีกครั้ง แต่ทางด้านคุณนายโฉมงามนั้นยังคงตั้งแง่แหลมคม ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนคลายลงได้ง่าย ๆ

“ไม่ใช่เรื่องอื่นครับ นอกจากที่ผมพูดกับคุณนายไปแล้วเมื่อครู่ก่อน คือน้องชายของอะโอะกิ ผมอยากให้คุณนายตัดเด็กคนนี้ออกไปจากกลุ่มผู้ชายที่แวดล้อมคุณนายจะได้ไหม สำหรับผมที่เกี่ยวข้องกับการตายของอะโอะกิอย่างใกล้ชิดขนาดนั้น รู้สึกหม่นหมองเต็มทนเมื่อเห็นน้องชายของเขาเข้าออกห้องรับแขกบ้านคุณนายอย่างนั้น เรื่องใครจะรับผิดชอบการตายของอะโอะนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในเมื่ออะโอะกิตายไปด้วยความโกรธและเกลียดคุณนายอย่างนั้น ผมจึงอยากให้คุณรามือจากการยุ่งเกี่ยวกับน้องของเขาเท่านั้น”

“ก็ไหนคุณว่าคิดได้แล้วที่ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของฉัน แล้วทำไมถึงมาพูดอย่างนี้อีก”

คุณนายพูดแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ มันไม่ใช่ยิ้มขื่น ๆ และก็ไม่ใช่ยิ้มหวาน

“คนที่ใช้ชีวิตไปตามที่ตนคิดว่าดีแล้วนั้นไม่เรียกว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวคิดจะเอาแต่ได้ แต่คนที่อยากให้คนอื่นมีชีวิตตามที่ตนคิดว่าดี คนแบบนี้ถึงจะเรียกว่าคนเห็นแก่ตัว และคุณก็เป็นคนแบบนั้น คุณว่าหนุ่มคนนั้นหลงรักดิฉัน เอาเถอะสมมติว่าจริง แต่นั่นก็เป็นชีวิตจริง ๆ ของเขาไม่ใช่หรือ เป็นวิถีชีวิตของเขาไม่ใช่หรือ มันไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องไปกังวลเรื่องชีวิตของคนอื่นเขา แม้วันหนึ่งอาจมีเรื่องที่เขาจะต้องเสียสละชีวิตเพื่อดิฉัน แต่นั่นก็เป็นวิถีชีวิตที่แท้จริงของเขา ใครจะเข้าไปยุ่งได้ยังไง”

“หรือครับ แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น”

ชินอิชิโรอดค้านเสียงกร้าวออกมาอีกไม่ได้

“ความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดิฉันมีอิสระที่จะดำรงชีวิตตามที่คิดว่าดีสำหรับตัวเอง”

คุณนายรุริโกะพูดเหมือนตัดบทการโต้เถียงที่ยืดเยื้อมานาน

“ใช่ครับ อาจเป็นอย่างนั้น ผมเองก็มีอิสระที่จะทำอะไรตามใจคิดเช่นเดียวกับคุณนายเหมือนกัน ผมตั้งใจแล้วว่าจะทุ่มเทกำลังทั้งหมดให้กับการช่วยถึงตัวน้องชายอะโอะกิให้พ้นออกมาจากการคุกคามของคุณนาย เพราะคิดว่าเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำให้อะโอะกิที่ตายไปแล้ว”

“ก็ตามใจ” คุณนายพูดเสียงเย็นชา
“ดิฉันคิดว่าน้องชายคุณอะโอะกิจะรำคาญเสียมากกว่า แต่ก็ช่วยไม่ได้ ดิฉันจะคอยดูว่าคำเตือนของคุณจะทำให้หนุ่มที่มีใจให้ดิฉันคนนั้น ตาสว่างขึ้นเพียงไร

 คุณนายโฉมงามพูดเชิงเสียดแทงเป็นการทิ้งท้าย แล้วยิ้มเย็น ๆ อย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น