เจ้าหน้าที่ศุลกากรญี่ปุ่นตรวจจับสารกระตุ้นประสาทและยาเสพติดในปี 2016 ได้มากถึง 1,501 กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 3.6 เท่าตัวจากปีก่อนหน้า และเป็นปริมาณมากที่สุดในรอบ 31 ปี
เจ้าหน้าที่ศุลกากรญี่ปุ่นตรวจยึดสารกระตุ้นประสาทน้ำหนัก 2 กก. ที่ถูกเคลือบไว้ด้วยเรซินสีดำฝังไว้ในกระเป๋าเดินทางของชาวเยอรมันวัย 40 ปีคนหนึ่ง ที่พยายามลักลอบนำเข้าสู่ญี่ปุ่นผ่านทางสนามบินนาริตะเมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว โดยผู้ซื้อปลายทางจะต้องกรีดแผ่นเรซิน จากนั้นก็ละลายผงสารเสพติดด้วยน้ำเพื่อแยกสกัดสารเสพติดออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่พบการซุกซ่อนสารเสพติดด้วยวิธีนี้ และแสดงถึงวิธีการนำเข้าสารเสพติดสู่ญี่ปุ่นในปริมาณที่มาก และซับซ้อนยิ่งขึ้น
ในปี 1999 เจ้าหน้าที่เคยจับกุมสารเสพติดจากพิ้นที่ทั้งประเทศญี่ปุ่นได้ 1,450 กก. แต่ในปี 2016 มีกรณีจับกุมสารเสพติด 4 คดีที่มีน้ำหนักมากกว่า 100 กก. กรณีใหญ่ที่สุด คือ การจับกุมสารเสพติด 600 กก. มูลค่า 42,000 ล้านเยน ที่ขนส่งเข้าญี่ปุ่นผ่านทางเรือยอร์ชที่ท่าเรือนาฮะ จังหวัดโอกินาวะเมื่อเดือนพฤษภาคม กรณีนี้ถือเป็นการจับกุมสารเสพติดจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
สถิติในปี 2016 พบว่า สารเสพติดส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศจีน คือ 34 กรณี ขณะที่สารเสพติดที่มีต้นทางจากไต้หวันเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัวเป็น 16 กรณี เจ้าหน้าที่ของไต้หวันยังได้ทลายโรงงานผลิตสารเสพติดหลายแห่ง โดยคาดกว่าโรงงานเหล่านี้ผลิตสารเสพติดเพื่อมุ่งจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น
ทางการญี่ปุ่นยอมรับว่า นโยบายผ่อนปรนวีซ่าและส่งเสริมการท่องเที่ยวมีส่วนทำให้สารเสพติดถูกลับลอบนำเข้ามายังญี่ปุ่นมากขึ้น เจ้าหน้าที่จะเพิ่มความสามารถในการตรวจจับสารเสพติด และร่วมมือกับตำรวจและฝ่ายกฎหมายเพื่อทลายเส้นทางลำเลียงสารเสพติด.
