ข้อมูลลับจากกองทัพเกาหลีเหนือได้รั่วไหลมายังทางการญี่ปุ่น เนื้อหาระบุถึงการกระชับอำนาจของนายคิมจองอึน หลังขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ท่ามกลางความแร้นแค้นของประชาชน และความอลหม่านในกองทัพถึงขนาดที่มีข่าวลือรัฐประหารโค่นอำนาจ
สถานีโทรทัศน์ NHK เผยแพร่สารคดีพิเศษเรื่อง “แฟ้มลับเกาหลีเหนือ เบื้องหลังดินแดนที่ไม่มีใครรู้” บอกเล่าเรื่องราวของข้อมูลลับที่เจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นได้รับเมื่อปี 2014 จากบุคคลภายในกองทัพเกาหลีเหนือ สถานที่นัดพบ คือ กรุงไทเปของไต้หวัน
ข้อมูลลับจากโสมแดงถูกบันทึกใน USB memory แลกเปลี่ยนด้วยเงินจำนวน 3ล้านเยน ข้อมูลบ่งบอกรายชื่อของบรรดานาทหารระดับสูงในกองทัพเกาหลีเหนือ, สถานที่เก็บและจำนวนอาวุธ รวมทั้งคำสั่งชี้นำจากผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ รวมกว่า 12,000 หน้า ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่เคยมีใครได้รับมาก่อน
ฝ่ายญี่ปุ่นได้พิสูจน์ว่า ข้อมูลลับนี้เป็น “ของจริง” โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งนักวิชาการชาวญี่ปุ่น, อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของกองทัพสหรัฐฯในเกาหลีใต้ รวมทั้งอดีตทหารเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์ลี้ภัยในเกาหลีใต้ มาถอดรหัสข้อมูลลับ
เอกสารลับได้บ่งบอกถึงโครงสร้างการบริหารของเกาหลีเหนือ ทั้งฝ่ายการเมือง, กองทัพ และหน่วยตำรวจลับ เอกสารเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 2010-2013 ซึ่งเป็นช่วงที่นายคิมจองอึนกำลังก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ
อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของกองทัพสหรัฐฯ ยอมรับว่า ในอดีตเรื่องราวของเกาหลีเหนือล้วนเป็นการคาดการณ์ แต่แฟ้มลับเหล่านี้ได้เปิดเผยความจริงในดินแดนโสมแดงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ความหวาดหวั่นบนบังลังก์อำนาจของ “คิมจองอึน”
เอกสารลับระบุถึงช่วงที่คิมจองอึนขึ้นสู่อำนาจใหม่ๆว่า “การชี้นำของท่านคิมจองอึนไม่ได้รับการตอบสนองและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด” สะท้อนปัญหาระหว่างกองทัพกับผู้นำคนใหม่
หลังจากบิดาของคิมจองอึนสิ้นชีวิต กองทัพตกอยู่ในสภาพอลหม่าน นายพลหลายคนขาดงานนานถึง 120วัน ทหารจำนวนมากเอายุทธภัณฑ์ไปขาย,ข่มขู่รีดไถชาวบ้าน รวมทั้งค้ายาเสพติด
ต้นทางของเอกสารลับมาจากหน่วยทหารที่ 235 ซึ่งมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับตระกูลคิมโดยตรง ทุกวันเวลา 08.00 น. ทหารจะประชุมรับคำสั่งจากคิมจองอึนโดยตรง ทุกคนยังถูกบ่มเพาะให้ภักดีกับผู้นำสูงสุด คนที่คิดทรยศจะถูกลงโทษถึงชีวิต เพื่อ “เชือดไก่ให้ลิงดู”
คิมจองอึนรับรู้ถึงความวุ่นวายในกองทัพเกิดจากภาวะไม่พออยู่พอกิน คำสั่งแรกหลังขึ้นสู่ตำแหน่ง คือ กองทัพต้องพึ่งพาตัวเองได้ในเรื่องอาหาร โดยให้หน่วยทหารปลูกถั่วและเลี้ยงแพะ และตัวเขาเองก็ไปตรวจงานเพาะปลูกที่กองทัพต่างๆอย่างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือขณะนั้นแร้นแค้นอย่างหนัก ทหารและชาวบ้านไม่มีอาหารประทังชีวิต จนหลายคนต้องหนีมายังประเทศจีน ทหารที่หลบหนีมาบอกว่า “เมล็ดถั่วยังไม่มีจะให้ปลูกถั่วได้อย่างไร ถ้าผู้นำไร้ความสามารถเช่นนี้จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นในไม่ช้า”
นายทหารที่ลี้ภัยจากเกาหลีเหนือ บอกว่า ญาติพี่น้องต่างบอกว่าอดยากยากแค้น ยอมทำทุกอย่างขอแค่ให้ได้เงิน นายทหารบางคนนำเครื่องแบบและเครื่องประดับยศออกเร่ขาย ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรง เพราะเครื่องแบบทหารถือเป็นของขวัญจากผู้นำสูงสุด
หวั่นกองทัพทรยศ ปฏิวัติยึดอำนาจ
ผู้เชี่ยวชาญชาวสหรัฐฯได้ถอดรหัสข้อมูลในแฟ้มลับพบว่า ที่ตั้งอาวุธและหน่วยทหารล้วนแต่ล้อมรอบกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ แต่ใจกลางเมืองซึ่งเป็นที่พักของตระกูลคิมกลับไม่มีหน่วยทหาร สะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจกองทัพ
ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น ระบุว่า “กองทัพคือฐานอำนาจของตระกูลคิม ขณะเดียวกันก็คือจุดอันตรายที่สุด”
คิมจองอึนต้องการควบคุมกองทัพอย่างเบ็ดเสร็จ ทหารทุกคน อาวุธทุกชิ้น รวมทั้งความเคลื่อนไหวทุกอย่างต้องรายงานตรงถึงเขา ในเอกสารลับระบุว่า “แม้แต่เข็มเล่มหนึ่งตกในป่าลึก ก็ต้องทำให้ข้า (คิมจองอึน) ได้ยิน”
จางซองเต็ก อาเขยของคึมจองอึน และผู้นำอันดับ 2ของฝ่ายกลาโหม ถูกสั่งประหารด้วยสงสัยว่านายจางซองเต็กได้สมคบกับฝ่ายจีนวางแผนก่อรัฐประหาร
ลียองโฮ ผู้บัญชาการสูงสุดกองทัพเกาหลีเหนือ ก็ถูก “จัดการ” ด้วยเหตุผลที่สั่งเคลื่อนย้ายกำลังทหารที่เข้าร่วมพิธีสวนสนาม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคิมจองอึน ในเอกสารลับระบุว่า “หากไม่มีคำสั่งจากผู้นำสูงสุด แม้เหนือหัวจะมีฟ้าผ่า ใต้เท้ามีระเบิด ก็ห้ามเคลื่อนกำลังทหาร”
สร้างอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว ใช้ขีปนาวุธสร้างอำนาจ
ในเกาหลีเหนือ ชาวบ้านที่ชมละครหรือฟังเพลงต่างชาติจะถูกลงโทษประจานกลางสาธารณะ เพื่อป้องกันไม่ให้ความคิดต่อต้านบ่มเพาะในหมู่ประชาชน แต่ทุกวันนี้สื่อจากเกาหลีใต้และสหรัฐฯ แทรกซึมผ่านจีนเข้าสู่เกาหลีเหนืออย่างมากมาย ขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางให้ความลับจากดินแดนโสมแดงรั่วไหลออกมาเช่นกัน
ตระกูลคิมใช้ความหวาดกลัวเพื่อค้ำจุนอำนาจของตนเอง ขณะเดียวกันก็ใช้ขีปนาวุธเพื่อต่อรองกับต่างชาติ และสร้างภาพความยิ่งใหญ่ให้กับตนเอง ในเอกสารลับระบุว่า “อาวุธนิวเคลียร์ช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการทหาร ใช้เงินเพียงเล็กน้อยสร้างเสริมเศรษฐกิจ เสริมศักยภาพป้องกันประเทศ”
ผู้เชี่ยวชาญชาวรัสเซียชี้ว่า การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความมั่นคงในการปกครองประเทศของผู้นำเกาหลีเหนือ สร้างภาพผู้นำอันยิ่งใหญ่ สร้างอุดมการณ์ที่จะรวมชาติในหมู่ประชาชน
ชาวญี่ปุ่นเปรียบประชาชนกับผู้ปกครองเหมือน “น้ำสามารถพยุงเรือ แต่ก็สามารถล่มเรือ” เกาหลีเหนือมีกองทัพขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่ข้อมูลลับจำนวนมหาศาลกลับรั่วไหลได้ด้วยอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ อำนาจใดๆในโลกก็อาจล่มสลายลงได้จากจุดเริ่มต้นเล็กๆของความเสื่อมศรัทธาเช่นกัน.