รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมพวกรวม 5 คน ออกจากราชการ ไว้ก่อนตามความเห็นของฝ่ายกฎหมายและฝ่ายวินัยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกรณีตำรวจกระทำ ผิดเสียเอง ต้องหาคดีอาญา หากให้คงอยู่ในราชการอาจเสียหาย กระทบต่อความเชื่อมั่น ภาพลักษณ์ ช่องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
.
วันนี้ (18 เม.ย.67) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณี สน.เตาปูนได้มีการดำเนินคดีอาญากับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และข้าราชการตำรวจ รวม 5 คน ในคดีความผิดฐานฟอกเงินและอื่นๆ ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้รายงานผลการดำเนินการมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
.
สำนักงานกฎหมายและคดี และกองวินัย ซึ่งเป็นฝ่ายอำนวยการของ ผบ.ตร. ได้เสนอเรื่องมายัง พล.ต.อ.
กิตต์รัฐ พันธุ์เพชร์ รรท.ผบ.ตร. พิจารณาตามข้อกฎหมาย พฤติการณ์แห่งคดี และความร้ายแรงที่เกิดขึ้น จึงได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 177/67 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อดำเนินการวินัย อย่างร้ายแรงกับข้าราชการตำรวจทั้ง 5 นายตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 และให้ออกจากราชการไว้ก่อน
.
ทั้งนี้ การสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเป็นการใช้อำนาจของ รรท.ผบ.ตร. ในกรณีที่ข้าราชการตำรวจถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง หรือต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา หรือเกี่ยวกับความประพฤติหร่อพฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ และเห็นว่าถ้าให้คงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดความเสียหายแก่ราชการได้ การสอบสวนทางวินัยจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 131 ประกอบกฎ ก.ตร.ว่า ด้วยการพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ซึ่งในคดีนี้เป็นการต้องหาคดีอาญา ที่ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และมีการกระทำความผิดร่วมกันกับข้าราชการตำรวจและพลเรือนอีกหลายคน ซึ่งตำรวจนั้นมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดอาญา แต่กลับต้องหาว่ากระทำความผิดอาญาเสียเอง และเป็นคดีสำคัญเกี่ยวกับการฟอกเงิน กระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนและภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างร้ายแรง ถ้าให้คงอยู่ในราชการอาจเกิดความเสียหายต่อราชการได้ พล.ต.อ.กิตติรัฐฯ รรท.ผบ.ตร. จึงได้มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กับข้าราชการตำรวจ รวม 5 คน ออกจากราชการไว้ก่อน และได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อรับทราบแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ส่งตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กลับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป