พรรคฝ่ายค้านเขมรเผย “สม รังสี” เตรียมเดินทางกลับกัมพูชา พ.ย.นี้

เอพี - พรรคฝ่ายค้านที่ได้รับความนิยมแต่ถูกยุบพรรคไปแล้วของกัมพูชา เผยว่า ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคที่ลี้ภัยอาศัยอยู่ต่างประเทศ จะเดินทางกลับกัมพูชาในต้นเดือน พ.ย.นี้

พรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ที่ถูกศาลสูงสั่งยุบพรรคในเดือน พ.ย.2560 ประกาศผ่านทางอีเมล ว่า นายสม รังสี และแกนนำพรรคคนอื่นๆ จะเดินทางกลับประเทศในวันที่ 9 พ.ย. ซึ่งตรงกับวันชาติ วันที่กัมพูชาได้เอกราชจากการปกครองของฝรั่งเศสในปี 2496

นายสม รังสี เดินทางไปอาศัยอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ปลายปี 2558 เพื่อเลี่ยงโทษจำคุก 2 ปี จากข้อหาหมิ่นประมาท และการฟ้องร้องคดีความต่างๆ จากรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน

นอกจากนายสม รังสีแล้ว สมาชิกระดับสูงของพรรคคนอื่นๆ ก็ยังหลบหนีออกจากกัมพูชาไปอาศัยในต่างแดนช่วงที่ฮุนเซนดำเนินการปราบปรามฝ่ายค้านในปลายปี 2560 ซึ่งรวมถึงการจับกุมตัวนายแกม สุขา ผู้ร่วมก่อครั้งพรรค จากข้อหากบฏ โดยอ้างถึงความเกี่ยวข้องของนายแกม สุขา กับองค์กรสนับสนุนประชาธิปไตยของสหรัฐฯ และเวลานี้ยังถูกควบคุมตัวอย่างเข้มงวดภายในบ้านพัก

หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า พรรคฝ่ายค้านเป็นความท้าทายที่แข็งแกร่งในการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน ก.ค.2561 และการยุบพรรคถูกมองอย่างกว้างขวางว่ามีแรงจูงใจทางการเมือง เนื่องจากพรรคประชาชนกัมพูชาที่เป็นพรรครัฐบาลของฮุนเซน หวาดกลัวว่าพรรคอาจสูญเสียอำนาจในการเลือกตั้งครั้งดังกล่าว

แผนการสำหรับการเดินทางกลับประเทศของนายสม รังสี ถูกประกาศขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน แต่กำหนดเดินทางกลับในเดือน ก.ย. ต้องถูกยกเลิกอย่างกะทันหัน ด้วยมีความวิตกถึงความปลอดภัยของนายสม รังสี จากภัยคุกคามทางการเมืองของเขาที่มีต่อรัฐบาล

ในปี 2540 นายสม รังสี ตกเป็นเป้าของความพยายามลอบสังหาร หลังมีระเบิดถูกขว้างเข้ามาในกลุ่มชุมนุมประท้วงซึ่งเขาเป็นแกนนำที่สวนสาธารณะในกรุงพนมเปญ แม้สม รังสี จะไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง แต่มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 16 คน และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก

เพื่อความปลอดภัย พรรคของเขาพยายามที่จะให้มีนักการเมืองจากประเทศอื่นๆ เดินทางมากัมพูชาพร้อมกัน แต่เมื่อชื่อของนักการเมืองเหล่านั้นถูกเปิดเผย รัฐบาลสั่งการไม่ให้ออกวีซ่า และยังระบุว่า จะจับกุมนายสม รังสี ทันทีที่เดินทางถึงประเทศ

แม้ว่านายสม รังสี จะถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ช่วงเวลาที่เขาลี้ภัย ก่อให้เกิดคำถามในหมู่ผู้สนับสนุน เนื่องจากคำมั่นที่ระบุว่าจะเดินทางกลับประเทศซึ่งมีมาแล้วหลายหน ยังคงไม่เคยเกิดขึ้นจริง.