เอเอฟพี - การสู้รบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันพฤหัสฯ (15) ระหว่างทหารพม่า และกลุ่มกบฏที่เปิดฉากโจมตีหลายจุด รวมถึงการโจมตีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับสถาบันการศึกษาของกองทัพ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน การโจมตีที่ดูเหมือนเป็นการตอบโต้การจับยึดยาเสพติดครั้งใหญ่เมื่อไม่นานนี้
กลุ่มกบฏติดอาวุธชาติพันธุ์ต่อสู้กับกองทัพมานานหลายสิบปี และบ่อยครั้งที่เป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยกันเองเพื่อที่ดินและทรัพยากรในพื้นที่ทางตะวันออกของพม่า ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเวลานี้เป็นเขตผลิตยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยได้ทุนจากเครือข่ายที่ซับซ้อน
การโจมตีอย่างอุกอาจในวันนี้ (15) มุ่งเป้าที่เมืองพินอูลวิน เมืองท่องเที่ยวใกล้มัณฑะเลย์ ที่ยังเป็นที่ตั้งของค่ายทหารซึ่งเต็มไปด้วยทหารที่ได้รับการฝึกฝน
นักข่าวของเอเอฟพีที่รายงานจากด่านตำรวจ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเกิดเหตุโจมตี ระบุว่า พบศพทหาร 7 ศพ และตำรวจอีก 4 ศพ
นายพลจัตวา ซอ มิน ตุน โฆษกทหาร กล่าวว่า ยังมีทหารอีก 2 นาย และพลเรือนอีก 1 คน ถูกสังหาร และการสู้รบยังคงดำเนินอยู่
หนึ่งในสถานที่ที่ถูกโจมตี 5 จุด คือ วิทยาลัยเทคนิคป้องกันชาติ (DSTA) ในเมืองพินอูลวิน นับเป็นครั้งแรกที่ศูนย์ฝึกแห่งนี้ถูกโจมตี โดยกองทัพกล่าวว่า กลุ่มกบฏยิงจรวด 107 มม. เข้าใส่สถาบันจากเนินเขาที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง และภาพถ่ายจากสื่อท้องถิ่นเผยให้เห็นรถยนต์ที่ถูกเพลิงไหม้และอาคารได้รับความเสียหาย
กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA) อ้างความรับผิดชอบในเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า พวกเขาโจมตีเพื่อแก้แค้น
“ทหารเปิดฉากโจมตีในพื้นที่ของเรา ดังนั้น เราจึงต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง” พันตรีมาย ไอ จ่อ โฆษก TNLA กล่าว และยังยืนยันว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นการประสานงานกันกับกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมาร์ (MNDAA) และกองทัพอาระกัน (AA)
สำหรับกองทัพอาระกัน ในเวลานี้กำลังต่อสู้กับทหารในรัฐยะไข่ แต่กลุ่มมีพันธมิตรที่แน่นแฟ้นกับกบฏกลุ่มอื่นๆ ด้วย
“เราสันนิษฐานว่าพวกเขาทำการโจมตีเพราะกองทัพยึดยาเสพติดจำนวนหลายตันเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน” โฆษกกองทัพพม่า กล่าว
ในเดือน ก.ค. ตำรวจปราบปรามยาเสพติดเผชิญกับการยิงปืนใหญ่โจมตีเมื่อพวกเขาทำการปราบปรามยาเสพติดครั้งใหญ่ในเมืองกุตก่าย ในรัฐชาน และเจ้าหน้าที่สามารถยึดสารเคมีได้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งยาไอซ์มูลค่าหลายล้านดอลลาร์.
