รอยเตอร์ - การปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มกบฎชาติพันธุ์ยะไข่ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องในรัฐยะไข่ และทำให้ชาวบ้านเสียชีวิต 6 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย ตามการเปิดเผยของสมาชิกสภานิติบัญญัติและชาวบ้านเมื่อวันศุกร์ (22) หลังการเจรจาสันติภาพระหว่างสองฝ่ายล้มเหลวที่จะแก้ไขวิกฤติที่ยกระดับความรุนแรงขึ้นนี้
การปะทะกันเกิดขึ้นที่เมืองบุติด่อง ในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่เมื่อค่ำวันพฤหัสฯ (21) ไม่นานหลังกลุ่มกบฎจากกองทัพอาระกัน ที่ต่อสู้เพื่อเรียกร้องการปกครองตนเองสำหรับชาวยะไข่ ได้พบหารือกับตัวแทนจากฝ่ายทหารในกรุงเนปีดอ เมืองหลวงของพม่า
รัฐยะไข่กลายเป็นจุดสนใจของทั่วโลกหลังกองทัพพม่าขับไล่ชาวมุสลิมโรฮิงญาราว 730,000 คน อพยพข้ามแดนหลบหนีไปฝั่งบังกลาเทศในปลายปี 2560 แต่ชาวยะไข่ส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธเช่นเดียวกับประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ
ภาพถ่ายที่รอยเตอร์ได้รับเผยให้เห็นศพที่เปื้อนเลือด 4 ศพ ซึ่งรวมทั้ง เด็กชายและหญิงวัยกลางคน นอนอยู่ในหลุมที่เต็มไปด้วยฝุ่น
“พวกเขาเป็นพลเรือนที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในหลุมหลบภัย มันเลวร้ายมาก” หม่อง ธา พยู นักเคลื่อนไหวในพื้นที่ กล่าว
พลจัตวา ซอ มิน ตุน โฆษกทหาร กล่าวกับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ว่า เกิดเหตุสู้รบทางตอนใต้ของหมู่บ้านเซต่อง เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. กองทัพอาระกันเป็นฝ่ายเริ่มปะทะ และเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สมาชิกสภารัฐยะไข่ที่เดินทางไปยังพื้นที่เกิดเหตุในวันศุกร์ (22) กล่าวว่า ชาวบ้านได้บอกกับเขาว่าทหารอยู่รอบหมู่บ้านในค่ำวันพฤหัสฯ และระดมยิงด้วยอาวุธหนัก
“เรานำศพ 5 ศพมายังเมืองบุติด่องในตอนนี้” หม่อง จ่อ ซาน สมาชิกสภาในพื้นที่ กล่าว และระบุว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล 1 คน ส่วนชาวบ้านคนอื่นๆ หลบหนีกันไปหมด
สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติในพม่า ระบุในคำแถลงว่า ประชาชนราว 7,500 คน ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นอยู่ใน 29 แห่งทั่วรัฐยะไข่ และเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ที่หน่วยงานด้านมนุษยธรรมส่วนใหญ่ไม่สามารถจัดส่งความช่วยเหลือเข้าไปยังพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐได้
“ประเมินได้ว่ามีประชาชนอย่างน้อย 95,000 คน ได้รับผลกระทบจากการจำกัดการเข้าถึงใน 5 เมือง คือ เมืองเจ๊าตอ เมืองเป่าน่าจ้อน เมืองบุติด่อง เมืองหม่องดอ และเมืองระตีด่อง” หน่วยงานสหประชาชาติ ระบุ
การเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลและกบฎกองทัพอาระกันสิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงสำคัญใดๆ แม้พวกเขาลงนามข้อตกลงที่จะเจรจาต่อก็ตาม.
