เอเอฟพี - กองกำลังทหารพม่ากำลังดำเนินการ “ปฏิบัติการกวาดล้าง” รอบใหม่ในรัฐยะไข่ หลังชาวพุทธท้องถิ่นถูกโจมตี 4 คน และเสียชีวิตไป 2 คน ตามการเปิดเผยของสำนักงานผู้บัญชาการทหารสูงสุดวันนี้ (20) โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหนึ่งในนั้นถูกกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของชาวมุสลิมโรฮิงญา
ความรุนแรงเกิดขึ้นประมาณช่วงเย็นของวันที่ 17 ธ.ค. ตามแนวลำธารพะยูมา ในเมืองหม่องดอ ทางตอนเหนือของรัฐยะไข่ พื้นที่เดียวกันกับที่กองกำลังทหารดำเนินการปราบปรามอย่างรุนแรงต่อชาวโรฮิงญาเมื่อปีก่อน
ชาวโรฮิงญามากกว่า 720,000 คน หลบหนีออกจากรัฐยะไข่ ข้ามแดนไปฝั่งบังกลาเทศหลังพม่าเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างในเดือน ส.ค.2560 และผู้สืบสวนสหประชาชาติต้องการให้นายพลระดับสูงของประเทศถูกฟ้องดำเนินคดีจากการล้างเผ่าพันธุ์ตามข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติการเหล่านั้น
พม่า ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการป้องกันตนเองจากกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญาที่โจมตีด่านตำรวจ และได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเกือบทั้งหมด
แต่สำนักงานของ พล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพม่า ระบุในคำแถลงที่โพสต์ลงบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสำนักงาน ว่า กองกำลังความมั่นคงได้ออกปฏิบัติการ และดำเนินการปฏิบัติการกวาดล้างพื้นที่ตามแนวลำธารพะยูมา
โพสต์ดังกล่าวยังระบุว่า กิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังชาวพุทธยะไข่ 2 คน ไม่กลับมาจากจับปลา และภายหลังพบศพที่ริมฝั่งลำธารในสภาพถูกปาดคอ และในวันเดียวกัน ยังมีสมาชิกอีก 2 คน ของชนกลุ่มน้อยชาวพุทธยะไข่ถูกโจมตีขณะออกหาปลาตามแนวลำธารเดิม โดยชาย 6 คน ที่พูดภาษาเบงกาลี แต่พวกเขาหลบหนีมาได้ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลท้องถิ่น
พม่าไม่ยอมรับว่าโรฮิงญาเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ของประเทศ และเรียกคนกลุ่มนี้ว่า เบงกาลี ที่หมายถึงผู้อพยพผิดกฎหมายจากบังกลาเทศ
ความตึงเครียดพุ่งสูงในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่ เมื่อรัฐบาลพยายามที่จะเริ่มกระบวนการส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศ แต่โรฮิงญาในบังกลาเทศปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในกระบวนการหากยังไม่ได้รับการรับรองสิทธิ สถานะพลเมือง และความปลอดภัย.