xs
xsm
sm
md
lg

“Go-Jek” แอปจากอินโดฯ “Go-Viet” เข้าฮานอย หลังเรียก จยย.ฉลุยในโฮจิมินห์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์ - “โกเจ็ก” (Go-Jek) แอปพลิเคชันเรียกบริการรถจักรยานยนต์สัญชาติอินโดนีเซียเปิดตัวบริการของบริษัทในกรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนามวันนี้ (12) ภายใต้แบรนด์ “โกเหวียด” (Go-Viet) ที่เป็นส่วนหนึ่งของการขยายธุรกิจในต่างประเทศของบริษัทด้วยงบลงทุนราว 500 ล้านดอลลาร์

แอปพลิเคชันเรียกบริการรถจักรยานยนต์ “โกเหวียด” อยู่ภายใต้การดูแลของทีมผู้ก่อตั้ง และผู้บริหารชาวเวียดนาม โดยมีบริษัทโกเจ็กเป็นผู้จัดหาเทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญ และการลงทุน ที่เสนอบริการหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การคมนาคม ลอจิสติกส์ ไปจนถึงการจัดส่งอาหาร และการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ

โกเหวียดสามารถชิงส่วนแบ่งตลาดบริการเรียกรถจักรยานยนต์ในนครโฮจิมินห์ได้ถึง 35% ภายในระยะเวลาเพียง 6 สัปดาห์หลังเปิดตัวที่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภาคใต้ของประเทศไปเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ตามการระบุของผู้ก่อตั้งโกเจ็ก

“เราภูมิใจที่ได้เห็นการพัฒนาในทิศทางบวกที่ตลาดนครโฮจิมินห์ และสิ่งนี้ช่วยปูทางเราสู่การขยายบริการของบริษัทสู่กรุงฮานอย” ผู้ร่วมก่อตั้งโกเหวียด กล่าวในพิธีเปิด

การเปิดตัวที่กรุงฮานอยเกิดขึ้นหลังจากบริษัทได้ประกาศในเดือน พ.ค. ว่า บริษัทจะขยายกิจการในฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนามด้วยงบลงทุนราว 500 ล้านดอลลาร์ หลังจากอูเบอร์ (Uber) ขายกิจการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้แก่แกร็บ (Grab)

เมื่อวันอังคาร (11) แกร็บได้ประกาศจับมือเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทท้องถิ่นของเวียดนามอย่างบริษัท MOCA Technology and Service เพื่อให้บริการชำระเงินทางโทรศัพท์มือถือ ในความมุ่งมั่นที่จะรักษาตำแหน่งของบริษัทในตลาดแห่งนี้

ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย ที่อยู่ระหว่างการเยือนกรุงฮานอยอย่างเป็นทางการ และร่วมการประชุมเศรษฐกิจโลก ได้เข้าร่วมการเปิดตัวดังกล่าว โดยผู้นำอินโดนีเซียกล่าวกับนักข่าวหลังการพบหารือกับประธานาธิบดีเจิ่น ได กวาง ของเวียดนาม ว่า ยังมีธุรกิจอินโดนีเซียอีกมากที่กำลังแสวงหาช่องทางในการขยายกิจการในเวียดนาม

“เราคาดว่าการค้าทวิภาคีจะเพิ่มสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2563 และผมหวังว่าประธานาธิบดีเจิ่น ได กวาง จะพยายามขจัดอุปสรรคทางการค้าสำหรับสินค้าจากอินโดนีเซีย รวมทั้งรถยนต์” ประธานาธิบดีวิโดโด กล่าว

การค้าระหว่างสองประเทศพุ่งไปที่ 6,500 ล้านดอลลาร์เมื่อปีก่อนจาก 5,600 ล้านดอลลาร์ในปี 2559 ตามการระบุของเวียดนาม โดยเวียดนามได้ส่งออกข้าว น้ำมันดิบ ซีเมนต์ และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรไปยังอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันก็นำเข้าปุ๋ย ผลิตภัณฑ์น้ำมัน เครื่องจักรและสิ่งทอจากอินโดนีเซีย.


กำลังโหลดความคิดเห็น