พม่าไฟเขียวคณะทูตสหประชาชาติเดินทางเข้ารัฐยะไข่สัปดาห์หน้า

เอเอฟพี - คณะผู้แทนจากคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติที่ต้องการจะเห็นผลกระทบของวิกฤตผู้ลี้ภัยโรฮิงญาด้วยตนเองจะเดินทางถึงพม่าในวันจันทร์ (30) และเดินทางต่อไปยังรัฐยะไข่ ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่รัฐบาลพม่า

การเยือนครั้งนี้จะกลายเป็นการเยือนรัฐยะไข่ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดจากสหประชาชาติ นับตั้งแต่การปราบปรามของทหารพม่าต่อชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญาเริ่มขึ้นในเดือน ส.ค.

แม้พม่าปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหประชาชาติ และสหรัฐฯ ที่ว่าการปราบปรามของทหารเป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์ แต่ยังคงควบคุมการเข้าถึงพื้นที่ขัดแย้ง รวมทั้งขัดขวางไม่ให้ผู้ตรวจสอบค้นหาข้อเท็จจริงของสหประชาชาติ และทูตพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนเดินทางเข้าประเทศ

หลังคณะมนตรีความมั่นคงเสนอการเยือนพม่าขึ้นครั้งแรกในเดือน ก.พ. รัฐบาลพม่าระบุว่า ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม แต่ได้ให้การรับรองเมื่อต้นเดือน เม.ย. สำหรับการเยือนของคณะทูต

การปราบปรามได้ผลักดันให้ชาวโรฮิงญาราว 700,000 คน ต้องอพยพหลบหนีเข้าไปในฝั่งบังกลาเทศ

“พวกเขาจะมาถึงกรุงเนปีดอในวันที่ 30 เม.ย. และจะเดินทางต่อไปยังรัฐยะไข่ในวันรุ่งขึ้น” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพม่าที่ทราบเรื่องการเดินทาง กล่าวต่อเอเอฟพี โดยไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม

การปราบปรามอย่างหนักของกองทัพทำให้หมู่บ้านโรฮิงญาหลายร้อยหมู่บ้านถูกเผาราบ ขณะที่ผู้ลี้ภัยได้ให้การถึงการสังหาร และการข่มขืน แต่ทหารพม่าปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านั้น และยืนยันว่า การปราบปรามเป็นเพียงการตอบโต้ที่ต้องการจะกำจัดสมาชิกของกองกำลังติดอาวุธโรฮิงญา บุกโจมตีด่านตำรวจในเดือน ส.ค. และสังหารสมาชิกกองกำลังความมั่นคงไปประมาณ 12 นาย

พม่า และบังกลาเทศได้ลงนามข้อตกลงส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศในเดือน ม.ค. แต่จนถึงเวลานี้มีผู้ลี้ภัยเพียงครอบครัวเดียวที่เดินทางกลับพม่าจากพื้นที่ไร้ผู้ครอบครองที่อยู่ระหว่างพรมแดนของสองประเทศ

ชาวโรฮิงญาหลายพันคนยังคงอยู่ในพื้นที่ชายแดน ปฏิเสธจะเข้าไปอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ และยังไม่เต็มใจที่จะเดินทางกลับพม่าจนกว่าความปลอดภัย และสิทธิต่างๆ จะได้รับการรับรอง.