MGRออนไลน์ -- วุฒิสภากัมพูชาลงมติวันพุธ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา รับรองร่างพระราชบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญ กับ ร่าง พรบ.อีกฉบับหนึ่ง แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ที่เกี่ยวข้องหลายมาตรา เพื่อกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ต่อผู้ที่ล่วงละเมิด หรือ ดูหมิ่นดูแคลน องค์พระประมุข พร้อมโทษปรับสูงยิ่งกว่าเดิม ถึงแม้กลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนจะเคลื่อนไหว คัดค้านกระบวนการทางรัฐสภาครั้งนี้อย่างกว้างขวาง โดยกล่าวหาว่า รัฐบาลนายกรัฐมนตรีฮุนเซน จะใช้กฎหมายนี้ เป็นเครื่องมือปราบปราม ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
การประชุมวุฒิสภาครั้งนี้ เป็นการประชุมสมัยวิสามัญ และ เป็นการประชุมครั้ง 11 สมัยประชุมที่ 3 ของ "สภาสูง" -- มีสมาชิกเข้าประชุมจำนวน 45 คน จากสมาชิกทั้งหมด 52 คน -- ใต้การเป็นประธานของสมเด็จวิบูลย์เสนาภักดีสายชุม (Samdech Vibol Sena Pheakdei Say Chhum) -- ทั้ง 45 คน ได้โหวตให้การรับรอง ร่าง พรบ.ทั้งสองฉบับด้วยฉันทามติ สำนักข่าวของทางการรายงาน โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสมาชิก ที่ขาดการประชุมอีก 7 คน
การประชุมวาระพิเศษนี้ เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. ซึ่งมีการอภิปรายถกเถียงในรายละเอียด หลายประเด็นด้วยกัน สำนักข่าวของรัฐบาลระบุ
เนื้อหาสำคัญก็คือ การกำหนดโทษจำคุก ผู้ที่ล่วงละเมิดหยามหมิ่นหรือหมิ่นแคลน พระมหากษัตริย์ ซึ่งเมื่อก่อนไม่ได้ระบุจำคุกไว้ นอกจากนั้น ยังอาจต้องถูกปรับ ตั้งแต่ 2-10 ล้านเรียล หรือ ประมาณ 500-2,500 ดอลลาร์ (17,500-87,500 บาท) สำหรับปัจเจกชนทั่วไป -- โทษปรับจะสูงถึง 50 ล้านเรียล หรือประมาณ 12,500 ดอลลาร์ ถ้าหากผู้กระทำผิด เป็นนิติบุคคล (รวมทั้งพรรคการเมือง) และ ยังมีโทษจำคุก สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง
บทบัญญัติหมวดพระมหากษัตริย์ ในรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2536 นั้่น กำหนดเอาไว้แต่เพียงว่า "พระมหาษัตริย์จะล่วงละเมิดมิได้" และ ระบุบทลงโทษต่อผู้กระทำผิด เพียงโทษปรับ ซึ่งเป็นโทษทางแพ่ง การกำหนดโทษทางอาญา ทำให้ต้องมีการแก้ไขกฎหมายอาญา และ แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตราที่เกี่ยวข้อง จำนวน 5 มาตราด้วยกัน
นอกจากนั้่น ร่าง พรบ.แก้ไขฯ ยัง ทำการแก้ไข รัฐธรรมนูญอีก 5 มาตรา ที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของสภารัฐธรรมนูญ (Constitutional Council) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจสิทธิ์ขาด ในการพิจารณาข้อขัดแย้ง และ การตีความตามเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ กับ การบังคับใช้รัฐธรรมนูญ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรที่มีสมาชิก 123 คน ซึ่งไม่มีผู้แทนของพรรคฝ่ายค้านรวมอยู่ด้วย ได้ลงมติรับรอง ร่าง พรบ.ทั้งสองฉบับ ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น
ปัจจุบันสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา ไม่มีผู้แทนของพรรคกู้ชาติกัมพูชา (National Rescue Party) พรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุด ที่ถูกยุบไปตามคำสั่งศาลเมื่อปีที่แล้ว และ หัวหน้าพรรค คือ นายแกม สุขะ (Kem Sokha) ยังถูกคุมขัง ระหว่างรอการดำเนินคดีในชั้นศาล ฐาน "ขายชาติ" ร่วมสมคบคิดกับต่างชาติ เพื่อโค่นล้มรัฐบาล
.
สมาชิกสภาผู้แทนฯ กว่า 40 คนของพรรค NRP ได้พ้นจากการเป็นสมาชิก ตามคำสั่งศาล และ รัฐบาลโดยวุฒิสภา ที่สมาชิกส่วนใหญ่อยู่ใต้อิทธิพล ของพรรคประชาชนกัมพูชา ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ได้สรรหาบุคคลจากพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ไม่มีผู้สมัครได้รับเลือกตั้ง -- รวมทั้งพรรคฟุนซินเป็ก (FUNCINPEC) ของกรมพระนโรดรณฤทธิ์ ซึ่งเป็นพระเชษฐาต่างพระมารดาของ กษัตริย์นโรดมสีหมุนี กับบุคคลจากภาคส่วนอื่นๆ เข้าดำรงแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลง -- ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ
นายสัมรังสีอดีตหัวหน้าพรรค NRP ที่ลี้ภัยอยู่ในต่างแดน ตลอดหลายปีมานี้่ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า -- เป็นการแก้ไขรัฐธรรมอย่างไม่มีความชอบธรรม โดยกลุ่มบุคคลที่ไม่มีความชอบธรรม และ ไม่ได้สะท้อนความต้องการของประชาชนชาวเขมร เพราะไม่ได้ไปจากการเลือกตั้ง
ฮุนเซนอยู่ในตำแหน่ง ติดต่อกันมานานกว่า 3 ทศวรรษ และ นำพรรคประชาชนกัมพูา (Cambodian People's Party) ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกสมัยหนึ่ง ในการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะมีขึ้นเดือน ก.ค.ปีนี้
ผู้นำกัมพูชาถูกวิจารณ์จากทั้งภายใน และนอกประเทศว่า กำลังทำทุกอย่าง รวมทั้งปราบปรามฝ่ายตรงข้ามอย่างหนัก จนถึงขั้นยุบพรรค -- กล่าวหาและจับกุม หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน โดยปราศจากหลักฐานที่หนักแน่น คุกคามกลั่นแกล้ง นักการเมืองซีกตรงกันข้าม -- ทั้งนี้ก็เพื่อให้มีหลักประกันว่า จะได้อยู่ในอำนาจต่อไป
การเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นนี้ จะไม่ได้รับการรับรองจากสหรัฐและโลกตะวันตก ที่กำลังใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อทางการกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากสหภาพยุโรปทั้งหมดเข้าร่วมวงด้วย ก็จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าส่งออก กับการส่งออกสินค้าต่างๆ อย่างรุนแรง อาจจะทำให้คนงานกว่า 300,000 คน ต้องว่างงานลงทันที
แต่แทนที่จะโอนอ่อนผ่อนตาม นรม.กัมพูชากลับแสดงท่าที ไม่สะทกสะท้านต่อการกดดัน จากโลกตะวันตก พร้อมท้าทายให้สหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตร รุนแรงแค่ไหนเพียงใดก็ได้ รวมทั้งประกาศท้าให้ตัดความช่วยเหลือ ที่ให้แก่กัมพูชาทั้งหมดอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนี้ ได้คำมั่นสัญญาการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากจีน รวมทั้งการสนับสนุนทางการเงินด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลญี่ปุ่น ได้ตกลงจัดหาคูหาเลือกตั้ง สนับสนุนคณะกรรมการเลือกตั้งแห่งชาติกัมพูชา เป็นประเทศพันธมิตรตะวันตกชาติแรก ที่ยื่นข้อเสนอช่วยเหลือ.