เอพี - เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ วางแผนที่จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรกับบุคคลอย่างน้อย 1 คน ที่รับผิดชอบการปราบปรามชาวมุสลิมโรฮิงญาของพม่า
ทิลเลอร์สันไม่ได้ระบุว่าใครที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรและเมื่อใด แต่อย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้าฝ่ายบริหารของทรัมป์คาดว่าจะประกาศมาตรการตามกฎหมายสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้กำหนดมาตรการลงโทษกับชาวต่างชาติจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการทุจริตคอร์รัปชั่น
เริ่มต้นในปี 2555 วอชิงตันค่อยๆ คลายมาตรการคว่ำบาตรทางการเมืองและเศรษฐกิจเพื่อเป็นรางงวัลให้กับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบประชาธิปไตยของพม่า หลังอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลเผด็จการทหารนานหลายสิบปี ขณะที่การฟื้นข้อบังคับด้านการค้าและการลงทุนไม่ได้เป็นหนึ่งในตัวเลือก สหรัฐฯ ขู่เมื่อเดือนก่อนว่าจะลงโทษเจ้าหน้าที่ทหารหรือกองกำลังรักษาความมั่นคงที่รับผิดชอบการปราบปรามที่ส่งผลให้ผู้ลี้ภัย 630,000 คน ต้องหลบหนีไปบังกลาเทศ
สหรัฐฯ เรียกความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่าเป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์ ซึ่งพม่าปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และระบุว่าปฏิบัติการกวาดล้างของทหารที่ทำให้เกิดการอพยพไม่ได้มุ่งเป้าไปที่พลเรือน และกองกำลังรักษาความมั่นคงเพียงแค่ตอบโต้การโจมตีของกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญาในเดือนส.ค.
ทิลเลอร์สันกล่าวกับนักข่าวที่สหประชาชาติว่าสหรัฐฯ กำลังประเมินสิ่งที่เกิดขึ้น
“เราต้องการให้ประชาธิปไตยของพม่าประสบความสำเร็จ” ทิลเลอร์สัน กล่าว
ทิลเลอร์สันกล่าวว่า สหรัฐฯ ได้ระบุตัวบุคคลรายหนึ่งที่รับผิดชอบกับการปราบปรามและกำลังตรวจสอบบุคคลอื่นๆ ที่อาจถูกดำเนินมาตรการการลงโทษ
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังเน้นย้ำความสำคัญของเสรีภาพสื่อ และเรียกร้องการปล่อยตัวหรือข้อมูลเกี่ยวกับนักข่าวสองคนของรอยเตอร์ที่ถูกจับกุมในสัปดาห์นี้จากการครอบครองเอกสารลับสำคัญที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ที่เคยทำงานในรัฐยะไข่
พม่าระบุว่านักข่าวและตำรวจจะถูกตั้งข้อหาตามกฎหมายความลับทางราชการ ที่มีโทษจำคุกสูงสุด 14 ปี
ชาวโรฮิงญาเผชิญกับการกดขี่ข่มเหงมาเป็นเวลานาน ซึ่งชาวพม่ามองว่าคนเหล่านี้เป็นผู้อพยพผิดกฎหมายจากบังกลาเทศแม้หลายคนจะอาศัยอยู่ในพม่ามาหลายชั่วอายุคนก็ตาม.