สหรัฐฯ ขึ้นภาษีเหล็กนำเข้าจากเวียดนามหลังพบมีต้นทางผลิตในจีน

รอยเตอร์ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีอากรนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กจากเวียดนามที่มีต้นกำเนิดจากจีน หลังพบผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการต่อต้านการอุดหนุนของสหรัฐฯ

การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นชัยชนะของผู้ผลิตเหล็กสหรัฐฯ ที่กำหนดภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดและต่อต้านการอุดหนุนเหล็กจีนในปี 2558 และ 2559 เพื่อเปิดโอกาสการนำเข้าเหล็กจากแหล่งอื่นๆ แต่ภาคอุตสาหกรรมโต้แย้งว่าผลิตภัณฑ์จากจีนกำลังเปลี่ยนเส้นทางไปยังประเทศที่สามเพื่อเลี่ยงภาษี

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่ากระทรวงจะใช้มาตรการด้านภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดและต่อต้านการอุดหนุนแบบเดียวกันกับเหล็กกล้าไร้สนิมและเหล็กแผ่นรีดเย็นจากเวียดนาม ที่มีต้นทางมาจากการเป็นเหล็กแผ่นรีดร้อนซึ่งผลิตขึ้นในจีน

แม้ผลิตภัณฑ์จะผ่านกระบวนการผลิตในเวียดนามเพื่อให้กลายเป็นเหล็กกล้าไร้สนิมหรือเหล็กแผ่นรีดเย็นสำหรับใช้ในรถยนต์หรืออุปกรณ์ต่างๆ แต่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เห็นพ้องกับคำกล่าวอ้างของผู้ผลิตอเมริกันว่า มากถึง 90% ของมูลค่าของผลิตภัณฑ์นั้นมีที่มาจากจีน

อุตสาหกรรมเหล็กโลกกำลังต่อสู้ดิ้นรนกับกำลังการผลิตที่มีมากเกินไป ที่ส่วนใหญ่มาจากโรงงานที่ตั้งอยู่ในจีน ซึ่งเป็นผลให้เหล็กราคาตก การประชุม G20 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากก็ไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาท่ามกลางความแตกแยกระหว่างปักกิ่งและวอชิงตัน

เหล็กแผ่นรีดเย็นที่ส่งมาจากเวียดนามจะเผชิญกับภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดและต่อต้านการอุดหนุนรวมกันในขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 531% ขณะที่ภาษีสำหรับเหล็กกล้าไร้สนิมเพิ่มเป็น 238% ซึ่งสูงมากพอที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองแบบหายไปจากตลาดสหรัฐฯ สำหรับอัตราภาษีในขั้นสุดท้ายคาดว่าจะประกาศในวันที่ 16 ก.พ.

การตัดสินใจของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังสหภาพยุโรปค้นพบในเดือนพ.ย. ว่า เหล็กที่ขนส่งจากเวียดนามมายังสหภาพยุโรปมีการเลี่ยงภาษี

รายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า หลังกำหนดภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดกับผลิตภัณฑ์เหล็กจากจีนในปี 2558 การจัดส่งเหล็กแผ่นรีดเย็นจากเวียดนามมายังสหรัฐฯ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 295 ล้านดอลลาร์ต่อปี จากเดิม 11 ล้านดอลลาร์ต่อปี.