xs
xsm
sm
md
lg

ต่างชาติวิเคราะห์โครงการลงทุนขนาดยักษ์รัฐยะไข่ อาจอยู่เบื้องหลังท่าทีจีนหนุนพม่าปราบโรฮิงญา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพมุมสูงเผยให้เห็นทุ่งนาเขียวขจีเป็นบริเวณกว้างใกล้ภูเขาที่อยู่ระหว่างเมืองบุติด่องและเมืองหม่องดอ ทางตอนเหนือของรัฐยะไข่ พื้นที่ประสบเหตุความรุนแรงที่ปะทุขึ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ส.ค. จนทำให้ชาวโรฮิงญาเกือบครึ่งล้านชีวิตต้องอพยพหลบหนีไปบังกลาเทศ. -- Agence France-Presse/Ye Aung Thu.

เอเอฟพี - แม้พม่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประชาคมโลกต่อเหตุการณ์การปราบปรามทางทหารที่เกิดขึ้นต่อชาวมุสลิมโรฮิงญา แต่พม่ายังคงได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนเก่าอย่างประเทศจีนอย่างเหนียวแน่น ที่ทุ่มเม็ดเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในโครงการท่าเรือ น้ำมัน และก๊าซในรัฐยะไข่แห่งนี้

โรฮิงญาเกือบครึ่งล้านชีวิตได้หลบหนีข้ามแดนไปฝั่งบังกลาเทศในช่วงเดือนที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุการณ์การโจมตีของผู้ก่อการร้าย ที่ส่งผลให้ทหารดำเนินการปราบปรามตอบโต้อย่างรุนแรง จนสหประชาชาติเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า เป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์

จีนกลับมีท่าทีแตกต่างไปจากประเทศส่วนใหญ่ในโลกที่กล่าวประณามการปราบปรามของทหาร

“เราคิดว่าประชาคมโลกควรสนับสนุนความพยายามของพม่าในการรักษาเสถียรภาพการพัฒนาประเทศ” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าว

การสนับสนุนดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่คาดไม่ถึงจากพันธมิตรที่ทุ่มเม็ดเงินลงในพม่า แม้ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่จากการปกครองของรัฐบาลทหาร และถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรก็ตาม

และแม้ว่ามาตรการคว่ำบาตรส่วนใหญ่ได้ถูกยกเลิกไปในปี 2557 เพื่อเป็นรางวัลสำหรับการจัดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย แต่เสรีภาพเหล่านั้นมีความหมายต่อปักกิ่งแค่เพียงเล็กน้อย

ในช่วงระหว่างปี 2531 ถึงปี 2557 จีนลงทุนในพม่ามากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ ตามการรายงานของสำนักข่าวซินหวาของทางการจีน โดยการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในภาคส่วนการทำเหมืองและพลังงาน

“พวกเขามีโครงการทางเศรษฐกิจที่สำคัญอยู่จำนวนหนึ่งที่ดำเนินการต่อรัฐบาลพม่า” โซฟี บัวส์โซ ดู รอแชร์ ผู้เชี่ยวชาญภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของฝรั่งเศส กล่าว

โครงการทางเศรษฐกิจที่กล่าวข้างต้นรวมถึงโครงการท่าเรือน้ำลึก และเขตเศรษฐกิจพิเศษมูลค่า 9,000 ล้านดอลลาร์ ในเมืองจอก์พยู ซึ่งอยู่ทางใต้ของจุดศูนย์กลางความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ภายใต้การพัฒนาของกลุ่มการลงทุน CITIC ของจีน ซึ่งจีนได้ทุ่มเงินเข้าสู่รัฐที่เต็มไปด้วยเหตุความรุนแรงแห่งนี้แล้ว

ในเดือน เม.ย. โครงการท่อส่งน้ำมันจากรัฐยะไข่สู่มณฑลหยุนหนานของจีน มูลค่า 2,450 ล้านดอลลาร์ ได้เปิดใช้งาน ท่อส่งน้ำมันที่เป็นเส้นทางสำคัญสำหรับปักกิ่งที่จะน้ำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง และในเดือนเดียวกันนั้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังปูพรมแดงต้อนรับประธานาธิบดีถิ่น จอ ที่เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง

รัฐยะไข่ รัฐที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตร ชายฝั่งทะเล และแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง ต้องร้อนระอุจากความรุนแรงระหว่างชุมชนที่คุกรุ่นมานานหลายสิบปี ความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธยะไข่ และชาวมุสลิมโรฮิงญา ที่ชาวพม่าส่วนใหญ่มองว่าเป็นผู้อพยพผิดกฎหมายจากบังกลาเทศ

การต่อสู้ปะทุขึ้นเมื่อเดือน ต.ค.2559 เมื่อกองทัพกอบกู้โรฮิงญาแห่งรัฐยะไข่ (ARSA) เปิดฉากโจมตีตำรวจชายแดน และการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายที่เกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 25 ส.ค. ส่งผลให้ทหารดำเนินการปราบปรามตอบโต้อย่างหนัก จนทำให้ชาวโรฮิงญากว่า 480,000 คน ต้องอพยพหลบหนีความรุนแรงข้ามแดนไปบังกลาเทศในช่วงเดือนที่ผ่านมา

ที่ดินจำนวนมากถูกทิ้งร้างด้วยหมู่บ้านโรฮิงญาจำนวนมากถูกเผาทำลาย

“ที่ดินไร้เจ้าของซึ่งเป็นผลจากการขับไล่โรฮิงญา อาจกลายเป็นประโยชน์ต่อทหาร และบทบาทของทหารในการนำการพัฒนาเศรษฐกิจทั่วประเทศ ที่ดินกลายเป็นสิ่งที่มีค่าเนื่องจากโครงการของจีน” ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย กล่าว

รัฐบาลระบุในสัปดาห์นี้ว่า รัฐบาลจะจัดการที่ดินที่เสียหายจากเพลิงไหม้ทั้งหมดในรัฐยะไข่ โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่ขึ้นใหม่ แต่ไม่มีการชี้แจงรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับแผนดังกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น