เอพี - ทางการบังกลาเทศเรียกทูตพม่าเข้าพบเพื่อประท้วงสิ่งที่บังกลาเทศระบุว่า เป็นการละเมิดน่านฟ้าของประเทศ ขณะที่ชาวมุสลิมโรฮิงญาหลบหนีความรุนแรงในพื้นที่ตะวันตกของพม่าในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนมากกว่า 400,000 คน
โฆษกสำนักงานประธานาธิบดีของพม่าระบุวานนี้ (16) ว่า ไม่มีหลักฐานของการบุกรุกใดๆ และกรุงธากาควรพยายามหารือถึงความกังวลต่างๆ แทนการออกคำแถลงสาธารณะ
กระทรวงการต่างประเทศบังกลาเทศ ระบุเมื่อวันศุกร์ (15) ว่า โดรน และเฮลิคอปเตอร์ของพม่าได้บินเข้ามาในน่านฟ้าบังกลาเทศเมื่อวันอาทิตย์ วันอังคาร และวันพฤหัสฯ และทางการได้ส่งหนังสือประท้วงถึงทูตพม่าในค่ำวันศุกร์ (15) ซึ่งบังกลาเทศเตือนว่า การกระทำที่ยั่วยุอาจนำไปสู่ผลที่ตามมา
ในนครย่างกุ้ง ซอ เต โฆษกประธานาธิบดี กล่าวว่า ฝ่ายทหารได้ปฏิเสธการรุกล้ำน่านฟ้าบังกลาเทศ และเรื่องดังกล่าวกำลังดำเนินการสืบสวน
“เราไม่ทราบแน่ชัดว่าพวกเขาออกคำแถลงเพื่อเหตุผลทางการเมืองหรือไม่” ซอ เต กล่าวถึงการประท้วงของบังกลาเทศ และระบุว่า พม่ากำลังจัดส่งความช่วยเหลือให้แก่ผู้พลัดถิ่นไปยังพื้นที่ใกล้กับชายแดน และบังกลาเทศจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
หน่วยงานของสหประชาชาติ กล่าวว่า ชาวมุสลิมโรฮิงญาราว 409,000 คน ได้หลบหนีไปบังกลาเทศตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. หลังเกิดเหตุโจมตีรุนแรงโดยกลุ่มก่อการร้ายโรฮิงญากับด่านตำรวจ ที่ส่งผลให้ทหารพม่าเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างในรัฐยะไข่
รัฐบาลพม่าระบุว่า การปราบปรามทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ก่อการร้ายโรฮิงญา และมีหมู่บ้านโรฮิงญา 176 แห่ง จากทั้งหมด 471 แห่ง ถูกทิ้งร้าง และยืนยันว่า ผู้ก่อการร้ายโรฮิงญา และชาวบ้านที่หลบหนีเป็นผู้ทำลายหมู่บ้าน ซึ่งคำกล่าวอ้างเหล่านี้ยังไม่มีหลักฐานสนับสนุน
หน่วยงานสหประชาชาติวิตกว่าความรุนแรงที่ยังเกิดขึ้นในพม่าอาจส่งผลให้ชาวโรฮิงญาอพยพเข้าไปในบังกลาเทศมากถึง 1 ล้านคน.