พม่าไม่อนุญาต จนท.สหรัฐฯ เข้าเขตพื้นที่ขัดแย้งโรฮิงญา

รอยเตอร์ - ทางการพม่าระบุวันนี้ (15) ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่เดินทางเยือนประเทศจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเขตพื้นที่ความรุนแรงที่ส่งผลให้ชาวมุสลิมโรฮิงญาต้องอพยพยหลบหนีไปเกือบ 400,000 คน

ชาวโรฮิงญาอพยพจากรัฐยะไข่ไปบังกลาเทศ เพื่อหลบหนีการปราบปรามของทหาร ที่ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของพม่า จากรัฐบาลทหารมาเป็นการปกครองของรัฐบาลพลเรือน ภายใต้การนำของนางอองซานซูจี

นายแพทริค เมอร์ฟี รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนพม่าเพื่อแสดงถึงความวิตกกังวลของวอชิงตันเกี่ยวกับเหตุความรุนแรงที่เกิดกับโรฮิงญา และกดดันให้มีการเข้าถึงพื้นที่ความขัดแย้งสำหรับเจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรม

ติน หม่อง ส่วย เลขานุการแห่งรัฐ ระบุว่า ผู้แทนจากสหรัฐฯ จะได้พบหารือกับผู้นำรัฐบาลในกรุงเนปีดอ และร่วมพบหารือกับนางอองซานซูจี ก่อนจะเดินทางไปยังเมืองสิตตะเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ และพบกับมุขมนตรีของรัฐ แต่พื้นที่ทางเหนือของรัฐยะไข่ ที่ความขัดแย้งปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 25 ส.ค.นั้น จะถูกจำกัดการเข้าถึง

“ไม่อนุญาต” ติน หม่อง ส่วย กล่าว เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการเดินทางไปยังเมืองหม่องดอ เมืองที่เป็นศูนย์กลางของความรุนแรง ที่เริ่มขึ้นหลังผู้ก่อการร้ายโรฮิงญาโจมตีด่านตำรวจ และค่ายทหาร สังหารผู้คนอีกหลายสิบคน

แม้โรฮิงญาจะหลั่งไหลไปบังกลาเทศเกือบ 400,000 คน แต่ในฝั่งพม่าการเข้าถึงของเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ และนักข่าวกลับถูกจำกัดอย่างรุนแรง แต่อย่างไรก็ตาม ทางการพม่าได้ยืนยันในวันนี้ว่าไม่ได้ห้ามเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เข้าไปในพื้นที่ แต่โฆษกรัฐบาลพม่าได้กล่าวย้ำว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่อาจวิตกเกี่ยวกับความปลอดภัย

กลุ่มตรวจสอบสิทธิมนุษยชน และชาวโรฮิงญาที่หลบหนีมาฝั่งบังกลาเทศ กล่าวว่า ทหาร และชาวพุทธยะไข่เป็นผู้ก่อเหตุวางเพลิงด้วยมุ่งที่จะขับไล่ชาวมุสลิมออกไปจากพื้นที่

ช่างภาพของรอยเตอร์ในฝั่งบังกลาเทศ ระบุว่า เห็นกลุ่มควันขนาดใหญ่ลอยเหนือเขตแดนฝั่งพม่า ขณะที่องค์กรช่วยเหลือระหว่างประเทศ กล่าวว่า ผู้ลี้ภัยยังคงหลั่งไหลเดินทางมาบังกลาเทศไม่หยุด

“ยังไม่มีสัญญาณว่าการอพยพของประชาชนจะหมดลง เราเชื่อว่ายังมีอีกหลายพันคนที่รอข้ามฝั่งมาที่คอกซ์บาซาร์” คลิส ลอม จาก องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) กล่าวจากเมืองคอกซ์บาซาร์ บังกลาเทศ.